ThaiBev

ThaiBev โชว์ผลประกอบการโตทุกกลุ่ม ประกาศเตรียมลุนธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน หลังขึ้นเบอร์หนึ่ง DJSI World เตรียมนำเทคโนโลยี (digital transformation) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน…

ThaiBev ประกาศเตรียมลุยอาเซียนเพิ่ม

ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งปีของความภาคภูมิใจ ที่ไทยเบฟได้รวมธุรกิจเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม และสุราอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทของเรา

ทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดภูมิภาคหนึ่งของโลก เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทของเรา ผลงานในปีที่ผ่านมาเป็นการตอกย้ำความสำเร็จอันเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ 2020

ซึ่งเราได้ทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนาธุรกิจด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ด้านของเราที่กำหนดไว้ใน วิสัยทัศน์ 2020 ซึ่งเป็นแผนดำเนินการระยะ 6 ปี ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 โดยกลยุทธ์ทั้ง 5 ประกอบด้วย Growth คือการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ Diversity ความหลากหลายของสินค้า และตลาด Brand การมีตราสินค้าที่โดนใจ Reach การกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง

Professionalism ความเป็นมืออาชีพด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร และผลักดันศักยภาพของพวกเราทุกคน เรามั่นใจในความพร้อมอย่างครบถ้วนทั้งเรื่องคน เรื่องทุน และสินค้า โดยภายในปี 2019 ที่จะถึงนี้ ไทยเบฟมีความพร้อมที่จะทุ่มเทศักยภาพที่มีอยู่ในทุกด้าน ในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ThaiBer
ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์

เพื่อสานต่อเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นการขยายธุรกิจของกลุ่มไทยเบฟ เราก้าวหน้าไปอย่างรอบคอบระมัดระวัง ทำให้เราได้รับรางวัลความยั่งยืน DJSI World ซึ่งวัดความยั่งยืน 3 ด้าน คือความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนด้านสังคม

ซึ่งถือว่าเป็นเป็นการได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เป็นปีที่ 3 และยังตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการถูกคัดเลือกขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของไทยเบฟ และสะท้อนให้เห็นว่าไทยเบฟ มุ่งมั่นเพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กรที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำทางด้านเครื่องดื่มครบวงจรของอาเซียน พร้อมจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลก

วันนี้ ไทยเบฟ ได้ก้าวเข้าสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ตั้งไว้ในวิสัยทัศน์ 2020 อย่างชัดเจน และพร้อมที่จะเดินหน้ารุกเต็มกำลัง เพื่อครองความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างยั่งยืน

ธุรกิจสุรายังครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ดี

ThaiBer

ประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารช่องทางการจำหน่าย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจสุราในประเทศไทยถือว่าสามารถทําได้ดีเมื่อเทียบกับในสถานการณ์ปัจจุบัน และเรายังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ดี อีกด้วย

ในขณะเดียวกันเรามีการพัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดสุราพร้อมดื่ม สําหรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ เช่น สตาร์ คูลเลอร์ และคูลอฟ แมกซ์ เซเว่น นอกจากนี้เราได้มีการส่งออกสุรารวงข้าวซิลเวอร์ ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ ไปยังประเทศเวียดนาม และเกาหลีใต้ ถือเป็นการยกระดับสินค้าตรารวงข้าว

ซึ่งเป็นสุรายี่ห้อแรกของประเทศไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ เราได้มีการเข้าลงทุน 75% ในกลุ่ม Grand Royal Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุรา Grand Royal Whisky ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา

และล่าสุดเรายังได้เข้าร่วมลงทุน 51% ในกลุ่ม Asiaeuro International Beverage ซึ่งเป็นบริษัทจัดจําหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต่าง ๆ โดยเฉพาะสุราพรีเมียมจากประเทศสก็อตแลนด์ และฝรั่งเศส อีกด้วย

เล็งเพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์เบียร์

ThaiBer

มร.เอ็ดมอนด์ เนียว คิมซูน รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า ซึ่งดูแลกลุ่มธุรกิจเบียร์ กล่าวว่า ภารกิจของกลุ่มธุรกิจเบียร์ยังดำเนินการสอดคล้องภายใต้ Vision 2020 ในด้านของแบรนด์ช้างเอง

เราได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์มากขึ้น ผ่านปรัชญาที่ว่าด้วยความ “ละเมียด” ที่เราใส่ใจในรายละเอียดทุก ๆ ขั้นตอนการผลิต กลั่นกรองเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ทั้งด้านของตัวผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ เรายังได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบรับกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปี ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราเปิดตัวในปีที่ผ่านมาคือ แทปเปอร์ (Tapper) เบียร์แอลกอฮอล์สูง ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

และเรากำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง เฟเดอร์บรอย ไวส์เบียร์ (Federbräu Weissbier)
พรีเมี่ยมสไตล์เยอรมัน รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่จะมาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคของเราในเร็วๆ นี้ ซึ่งถือว่าธุรกิจเบียร์ของเราขยายตัวได้อย่างรวดเร็วมาก

ThaiBer

โดยในปีหน้านี้ผมยังได้รับการปรับตำแหน่งให้มาช่วยดูแลเรื่องการลงทุนตราสินค้าต่าง ๆ ของไทยเบฟ โดยมี คุณฐาปน ที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มธุรกิจเบียร์ด้วยตนเอง และคุณโฆษิต สุขสิงห์ จะขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย

แบรนด์ใหม่ประสบความสำเร็จ

ThaiBer

มร.เบนเนท เนียว กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไซ่ง่อนเบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ จ๊อยซ์สต๊อก คอร์ปอเรชั่น (ซาเบโก้) กล่าวว่า ปี 2561 เป็นอีก 1 ปีที่สำคัญในประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจของซาเบโก้ เพราะการดำเนินการรวมกลุ่มธุรกิจกับไทยเบฟกรุ๊ปประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

ทำให้กลุ่มธุรกิจเบียร์ซาเบโก้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ที่แข็งแรง พร้อมสนับสนุนในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ 2020 ของไทยเบฟ เราเชื่อว่าธุรกิจของเราจะยิ่งแข็งแกร่ง

เพราะมีตราสินค้าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง ไซง่อนเบียร์ อีกทั้งเรายังมีทีมกรรมการ และผู้บริหารที่เต็มไปด้วยความสามารถพร้อมที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาและขยายการดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็วต่อไป

ThaiBer
มร.ลี เม็ง ตัท ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (F&N)

ด้าน มร.ลี เม็ง ตัท ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (เอฟแอนด์เอ็น) และ มร.เลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า

แม้ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีการแข่งขันสูง แต่กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟเวอเรจยังสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีในตลาดที่ดำเนินธุรกิจ และเพื่อบรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2020 เราได้เน้นการดำเนินงานใน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

ThaiBer
มร.เลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์ ประเทศไทย
  • ขับเคลื่อนตลาดด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ในเครือ โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกปีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน
  • ขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจและผลักดันสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟเวอเรจในภาพรวม

ธุรกิจอาหารสดใส หลังดึง KFC เสริมแกร่ง

ThaiBer

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัทไทยเบฟ แม้ในปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านการแข่งขันในตลาด

และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เราก็สามารถขับเคลื่อนธุรกิจอาหารให้เดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งในกลุ่มโออิชิ ที่สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านธุรกิจอาหารญี่ปุ่นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เรายังได้ทำการซื้อกิจการร้านเคเอฟซี (KFC) *เฉพาะในห้างบิ๊กซี

ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในประเทศไทย จำนวน 252 สาขา ในนามบริษัท The QSR of Asia รวมทั้งการร่วมลงทุน 76% ในกลุ่มร้านอาหารไทย Spice of Asia ภายใต้การบริหารที่เน้นประสิทธิภาพและกลยุทธ์การสร้างสรรค์ที่โดดเด่นและแตกต่าง

จึงส่งผลให้เราเติบโตแบบก้าวกระโดด ขึ้นแท่นหนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเติบโตตามเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2020

DJSI World ตอกย้ำภาพผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจร ที่ยั่งยืนระดับโลก

ThaiBer

โฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาของกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง โครงการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าและการบริหารจัดการทางด้านซัพพลายเชนของบริษัทภายใต้วิสัยทัศน์ 2020

มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 2561 โดยบริษัทสามารถเปิดศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคตามตำแหน่งยุทธศาสตร์ได้ตามแผนงาน พร้อมทั้ง ยังได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญทางบริหารจัดการทางด้านระบบ cold chain ในระดับโลก ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายการกระจายสินค้าทางด้าน cold chain

เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัท นอกจากนี้ ยังสามารถนำเทคโนโลยีที่บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาในช่วงที่ผ่านมา มาขยายผลและต่อยอดให้กับพันธมิตรและคู่ค้าของบริษัทเพื่อประโยชน์ที่สูงสุด โดยมีโครงการ digital transformation เป็นแกนกลางในการผลักดันศักยภาพของพนักงาน และคู่ค้าให้เข้าถึง

และสามารถที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการโลจิสติกอย่างครบวงจร ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค และในปีหน้านี้ผมได้รับโอกาสที่ดีกับความรับผิดชอบใหม่เพิ่มเติม ที่จะมาดูแลธุรกิจเบียร์ในประเทศไทย เป็นหน้าที่เพิ่มเติมที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ซึ่งกุญแจสู่ความสำเร็จที่ทำให้ “ไทยเบฟ” ก้าวขึ้นมายืนเป็นที่ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ส่วนสำคัญมาจากการขับเคลื่อนองค์กรภายใต้วิสัยทัศน์ 2020 ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต(Creating and sharing the value of growth)

ThaiBer

และพัฒนา “การบริหารห่วงโซ่คุณค่า” (Value Chain Management) ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กรระดับสากลอย่าง DJSI เล็งเห็นถึงความโดดเด่น และความสำเร็จในการพัฒนาความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดดล้อมและสังคมของไทยเบฟ บริษัทมีความมุ่งมั่นใน

การพัฒนาการบริการจัดการห่วงโซ่คุณค่าให้มีระบบที่ดียิ่งขึ้น โดยดูแลตั้งแต่ การจัดหาวัตถุดิบในการผลิต บรรจุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าถึงผู้บริโภค ตลอดจนการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ซึ่งจุดเด่นของไทยเบฟคือแนวทางใน การทำงานร่วมกับคู่ค้าหรือ Supplier ในการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน (Co-Innovation)

ทั้งด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การจัดซื้อ การเก็บข้อมูล เพื่อสร้างการเติบโตให้เกิดร่วมกันระหว่างองค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ซึ่งการที่องค์กรจะสร้างการแบ่งปันคุณค่าได้นั้น “นวัตกรรมแบบเปิด” (Open Innovation) ถือเป็น แนวทางการเชื่อมโยงองค์ความรู้ที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนแก่บริษัท

และส่วนรวมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาของไทยเบฟเป็นแกนหลักร่วมกับหน่วยงานภายนอก อาทิเช่น องค์กรอิสระ คู่ค้า มหาวิทยาลัย ในการเสริมสร้างและ ต่อยอดองค์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ บริษัท เบฟเทค (BevTech) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับกลุ่มบริษัทในเครือไทยเบฟ โดยมุ่งมั่นเพิ่มประสิทธิภาพด้านกระบวนการ ด้านการบริหารต้นทุน ด้านควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ให้สอดรับกับยุคอุตสาหกรรม 4.0

ซึ่งปัจจุบันนี้โรงงานโออิชิมีการใช้ระบบ Automation แล้วกว่า 90% การลงทุนพัฒนานวัตกรรมนี้เองที่จะเป็นกลไกต่อยอดสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้ “แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular economy) ที่ไทยเบฟมุ่งมั่นพัฒนาและแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเชื่อมโยงการจัดการของเสียเพื่อสร้างความยั่งยื่นด้านสิ่งแวดล้อม

โดยเริ่มจากการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมให้ผู้บริโภครวมถึงพนักงานให้มีส่วนร่วมในการลดของเสีย การจัดการบรรจุภัณฑ์หลังจากการบริโภค การพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าของเสีย และการจัดการของเสียอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม

ThaiBer

ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมาไทยเบฟสามารถลดการใช้ทรัพยากรบรรจุภัณฑ์หลักได้กว่า 831,124 ตัน นับเป็นแนวทางการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่สร้างความยั่งยืนในวงกว้าง การสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่คุณค่านั้น นอกจากต้องสร้างการเติบโตด้านเศรษฐกิจและ สิ่งแวดล้อมแล้ว ความเข้มแข็งของสังคมก็ถือเป็นอีกหนึ่งด้านที่สำคัญไม่แพ้กัน

ซึ่งการเข้ามาพัฒนาชุมชนนับเป็น ความท้าทายของไทยเบฟที่นำแนวคิด “สร้างคุณค่าสู่สังคม” (Creating value for society) มาขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม สร้างประโยชน์ คุณค่าและกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก

การเสริมสร้างความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทาง “พลังประชารัฐ” ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ ที่ตอบโจทย์การวัดผลการสร้างความยั่งยืนด้านสังคมของ DJSI ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเข้าไปพัฒนาชุมชนและปรับแนวคิดการสร้างรายได้ในระยะแรกนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่ด้วยความตั้งใจและการวางกลยุทธ์ในการสร้างเครือข่ายที่ชัดเจน จึงทำให้เกิดโครงการระดับประเทศมากมาย เช่น “โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนานวัตกรรมการผลิตและแปรรูปสินค้าจากผ้าขาวม้า โดยจัดประกวดชิ้นงาน จัดงานสัมมนาให้ความรู้ด้านการผลิต

และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ จัดการสนับสนุนนำผ้าขาวม้าทอมือไปสู่เวทีแฟชั่นระดับโลก ณ ประเทศญี่ปุ่น และการพัฒนาสินค้าและเชื่อมโยงช่องทางการขายสู่องค์กรขนาดใหญ่ โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาโครงการนี้สามารถสร้างยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือให้แก่ 519 ชุมชน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000,000 บาท

และนอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนิน โครงการ ไทยเบฟร่วมสร้างชุมชนดีมีรอยยิ้ม ภายใต้แนวคิดความสุขที่เพิ่ม รายได้มั่นคง ไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีชุมชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้แล้วกว่า 49,562 หมู่บ้าน

เราเชื่อมั่นว่าการสร้างความยั่งยืนสู่เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม แก่นหลักคือต้องเกิดจากใจที่มุ่งมั่นพัฒนาจากภายในองค์กร สู่การพัฒนาอย่างยั่งยื่นและตอบสนองความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุภาคส่วนของเราให้ได้ โดยผลการประเมิน DJSI ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นว่า

เรามุ่งมั่นเพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร มุ่งสู่การเป็นผู้นำทางด้านเครื่องดื่มครบวงจรของอาเซียน และพร้อมจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกอย่างแท้จริง

เร่งเครื่องพัฒนาบุคากรอย่างต่อเนื่อง

ThaiBer

ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า จากการเดินทางสู่วิสัยทัศน์ 2020 ไทยเบฟมุ่งหวังที่จะเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของอาเซียน ด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้กับพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องคือ โอกาสที่ไร้ขีดจำกัด หรือ Limitless Opportunities

ทั้งด้านการเติบโตในสายอาชีพ การสรรสร้างความสัมพันธ์ และการสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม หนึ่งปีที่ผ่านมา จำนวนของพนักงานภายใต้กลุ่มไทยเบฟเพิ่มจากประมาณ 43,000 คน เป็นประมาณ 59,000 คน จากกิจการที่ขยายทั้งในไทย เวียดนาม และเมียนมา

นอกจากนี้ไทยเบฟได้รับรางวัลสำคัญในเวทีนานาชาติ Asia Best Employer Brand Awards 2018 ที่สิงค์โปร์ 3 รางวัล คือ Best Employer Brand Dream Employer of the Year และ Award for Talent Management

ซึ่งสอดคล้องกับการได้ 100 คะแนนเต็มด้าน Human Capital Development ในการประเมิน DJSI Sustainability Index 2018 ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยการผสานพลังอย่างทุ่มเท ของทีมงาน ผู้บริหาร และพนักงาน ไทยเบฟจะเดินหน้าต่อไป

เพื่อสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ของคน ให้เป็นบริษัทที่คนไทยและอาเซียนภาคภูมิใจครับ

ThaiBer

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่