เจสัน เฉิน’ ประธานบริษัทและซีอีโอ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 1 มกราคม 2557 เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “บุคคลที่น่าจับตามองแห่งเอเซียในปี 2014” เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่เข้ามารับช่วงบริหารงานต่อในภาวะที่เอเซอร์ต้องเผชิญกับยอดขายตกต่ำในรอบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ หลุดตำแหน่งเบอร์ 1 ในกลุ่มพีซีโลกนับตั้งแต่ปี 2011-2013 เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี

แต่เมื่อ 2014 ผลประกอบการระหว่างปีที่เขาเข้ามาบริหารงานกลับกำไรขึ้น ทำให้สถานะการเงินบริษัทดีขึ้น และในปี 2015 นี้ถือเป็นบทพิสูจน์อีกก้าวของซีอีโอเอเซอร์ว่า จะสามารถนำเอเซอร์ไปสู่ความเป็นผู้นำไอทีคอนซูเมอร์และคอมเมอร์เชียล ได้หรือไม่ คือ บททดทอบของ เจสัน เฉิน ในอนาคต

“ยอมรับว่าเอเซอร์เคยเป็นอันดับ 1 ในตลาดพีซี แต่เมื่อปี 2014 เอเซอร์สามารถทำรายได้และมีกำไรอีกครั้ง สำหรับแผนการตลาดในปี 2015 เอเซอร์จะเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.สร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง ใช้จุดแข็งที่มีอยู่พัฒนาสินค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพีซีแบบ All in One เกม และแท็บเล็ต 2.เร่งสร้างตลาดสมาร์ตโฟนให้มีการเติบโตมากขึ้น และ 3.ขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น” ประธานบริษัทและซีอีโอ เอเซอร์ กล่าวให้สัมภาษณ์ในวาระที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง

รุกตลาดเกม เน้นสร้างเอกลักษณ์บนผลิตภัณฑ์ใหม่
สำหรับกลุ่มตลาดพีซีนั้น เอเซอร์มุ่งเน้นไปที่ตลาดเกม ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดใหม่ที่มีโอกาสในการเติบโตสูง ด้วยผลจากความสำเร็จของ Aspire V Nitro เอเซอร์ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล Predator ที่ออกแบบเพื่อฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ มีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ให้ความเร็ว ความแรง และความมันส์แบบเดียวกับการเล่นเกมบนพีซี สำหรับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Predator จะประกอบด้วย เดสก์ทอป โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และมอนิเตอร์

ทั้งนี้ ผลิตภัณ์ฑใหม่ของเอเซอร์จะครอบคลุมตั้งแต่ 1-100 นิ้ว ในทุกสายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ และโปรเจ็กเตอร์ เพื่อมาช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งาน ไปพร้อมกับการการสร้างเอกลักษณ์โดดเด่นด้านดีไซน์บนไฮบริดโน้ตบุ๊ก Aspire Switch 10E, Aspire Switch 10 และ Aspire R11 โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ 3 ตัว Aspire V 15, Aspire E และ ES Series รวมถึง Chromebook 15 รุ่นล่าสุดกับแบตเตอรี่ที่ให้ชั่วโมงการใช้งานถึง 11.5 ชั่วโมง และแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา Iconia Tab 10 นอกจากนี้ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ XR341CKA มอนิเตอร์สำหรับคอเกมขนาด 34” ดีไซน์โค้ง มาพร้อมกับเทคโนโลยี NVIDIA G-SYNC และ โปรเจ็กเตอร์ K138ST แอลอีดีโปรเจ็กเตอร์เครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดแสงอัจฉริยะ (Intelligent Ambient Light Sensor)

เจสัน ยังกล่าวอีกว่า นอกจากตลาดเกมจะถือเป็น The Next Big Things ของเอเซอร์ในอนาคตแล้ว ตลาดมือถือสมาร์ตโฟนก็เป็นธุรกิจดาวรุ่งของเอเซอร์ด้วยเช่นกัน แม้วันนี้เอเซอร์จะมีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ตโฟนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของบริษัท ทว่าเอเซอร์กลับวางตำแหน่งทางการตลาดสมาร์ตโฟนแบบระยะยาว และชูธง ด้วยการนำประสบการณ์ใช้งานจากระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์สู่ระบบโมบิลิตี้

“เอเซอร์ไม่ได้ต้องการสร้างปริมาณยอดขายมากๆ เช่น ค่ายอื่น ที่ทุ่มเงินเพื่อสร้างส่วนแบ่งตลาดแล้วหายไปจากตลาด แต่เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างยั่งยืน และมีความมุ่งมั่นทำธุรกิจในระยะยาว เพราะเราเป็นบริษัทคอมพิวติ้ง คือจุดแข็งของเอเซอร์ซึ่งขณะนี้ก็สามารถเข้าไปทำตลาดได้ถึง 160 ประเทศแล้ว” ซีอีโอ เอเซอร์ กล่าว

มองหาโอกาสธุรกิจผ่าน Cloud เทคโนโลยี
เจสัน ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เอเซอร์จะทำนับจากนี้ คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าต่อเนื่อง พร้อมกับมองหาโอกาสจากตลาดใหม่ เช่น คลาวด์ โดยมีสมาร์ตโฟนคือหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะมาทำให้เอเซอร์มีบริการแบบครบวงจร (Total Solutions) เพื่อขยายไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้บริการ Acer Build Your own Cloud (BYOC) ซึ่งเป็นการผสานรวมของฮาร์ดแวร์ แอพพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์สื่อสารของเอเซอร์บนระบบคลาวด์ เพื่อนำเสนอบริการสมาร์ตโฮม สมาร์ตเฮลท์แคร์ สมาร์ตดีไวซ์ ด้วยการใช้ศักยภาพของ IoT นอกจากนี้เอซอร์ยังได้นำระบบ abPBX plus ตอบโจทย์ภาคธุรกิจองค์กร เพื่อช่วยบริหารจัดการเครือข่ายภายในองค์กรด้วยต้นทุ่นต่ำ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เอเซอร์ให้ความสำคัญและมีแผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้นภายในปีนี้