ร่วมกับ ETDA (เอ็ตด้า) ร่วมกับ บ.เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และภาคีเครือข่าย จัดงานประชุมวิชาการ “1st Thailand Digital ID Symposium 2019” เสริมศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลไทย แนะธุรกิจใช้ความสำเร็จนานาชาติ สร้าง ดิจิทัลไอดี ที่ไม่ซ้ำซ้อน สะดวก ปลอดภัย ใช้งานง่าย เร่งสปีดเศรษฐกิจไทยให้ทันโลก….

highlight

  • เอ็ตด้า จัดงาน 1st Thailand Digital ID Symposium 2019 เร่งทำความเข้าใจให้แก่ภาคเอกชน เตรียมความพร้อมในการรับมือการเชื่อมโยง และยืนยันตัวบุคคลผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมดึง กูรูจาก 4 ประเทศชั้นนำด้านการผลักดัน ดิจิทัล ไอดี อาทิ อินเดีย, สิงค์โปร, มาเลเซีย และเอสโตเนีย ร่วมแนะนำแนวทาง
  • การเชื่อมต่อการยืนยันตัวตนจากทุกภาคส่วนเข้ามาไว้ด้วยกันในระบบดิจิทัล ทำให้การพิสูจน์ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ มั่นคงปลอดภัย และผลักดันให้เกิดการสร้างรัฐบาลดิจิทัล ด้วยการใช้เทคโนโลยี Big Data Analytics, Government Data Center, Government Cloud Service 
  • เล็งจัดงานสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องของ ดิจิทัล ไอดี ต่อเนื่อง และจะเพิ่มความเข้มข้นในเนื้อหาวิธีการใช้งาน ให้แก่ภาครัฐ และภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อให้เกิดกระบวนการนำไปใช้งานจริงกับธุรกิจ

ETDA เร่งเครื่อง DIGITAL ID ออกโรงแนะภาคธุรกิจใช้กรณีศึกษาต่างชาติเร่งสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA  (เอ็ตด้า) และ บ.เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และภาคีเครือข่าย ได้เดินหน้าจัดงานประชุมทางวิชาการเพื่อเร่งทำความเข้าใจให้แก่ภาคเอกชน เตรียมความพร้อมในการรับมือการเชื่อมโยง และยืนยันตัวบุคคลผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ในงาน “1st Thailand Digital ID Symposium 2019″ 

โดยกูรูจาก 4 ประเทศชั้นนำ อาทิ อินเดีย, สิงค์โปร, มาเลเซีย และเอสโตเนีย ที่ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงการให้บริการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมโยงข้อมูลการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือ ดิจิทัล ไอดี (Digital ID) ทั้งในหน่วยงานรัฐ และเอกชน ไปสู่ความสะดวก และปลอดภัย มากขึ้น

Digital ID
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมและกำลังก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เน้นการทำธุรกรรมทางออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานบริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล 

ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม โดย ดิจิทัล ไอดี เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อการยืนยันตัวตนจากทุกภาคส่วนเข้าไว้ด้วยกันในระบบดิจิทัล ทำให้การพิสูจน์ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน

ซึ่งเรื่องนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับหลายโครงการของรัฐที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กฎหมายดิจิทัล การวางโครงข่ายเชื่อมโยงกับประเทศอื่นผ่านซับมาลีนเคเบิ้ล อินเทอร์เน็ตชุมชน (เน็ตประชาชารัฐ) ที่ช่วยโอกาสในการค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ต และเรื่องของการสร้าง สมาร์ทซิตี้ (Smart City) ที่เป็นเรื่องของการสร้างความสะดวกสบายในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น ท่องเที่ยว การค้า การแพทย์ ฯลฯ

โดยในเร็วๆ นี้จะมีการจัดประชุมเครือข่ายเมืองอัจฉริยะประจำปี (ASCN Annual Meeting) ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2562 ที่ หอประชุมจีเอ็มเอ็มไลฟ์เฮาส์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีการพุดคุยโดยเฉพาะหัวข้อ Smart City Data Platform ขึ้น

นอกจากนี่ยังเป็นเป็นช่วยผลักดันให้เกิดการสร้างรัฐบาลดิจิทัล ด้วยการใช้เทคโนโลยี Big Data Analytics,  Government Data Center, Government Cloud Service ซึ่งทั้งหมดจะช่วยทำให้เกิดบริการจากภาครัฐ (Government One Stop Service) ที่มีความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย จากการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน

Digital ID

ปัจจุบันรัฐบาลเดินหน้าผลักดันกฎหมายดิจิทัล หลายฉบับ ซึ่งหนึ่งในนั่นคือ พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 3และ 4) พ.ศ. 2562 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น การมี ดิจิทัลไอดี หรือระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่มีมาตรฐาน และถูกต้องตามกฎหมาย

ดิจิทัลไอดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยอุดช่องโหว่ของปัญหาเหล่านี้ เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อการยืนยันตัวตนจากทุกภาคส่วนเข้ามาไว้ด้วยกันในระบบดิจิทัล ทำให้การพิสูจน์ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ มั่นคงปลอดภัย

ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมต่อระบบกับนานาชาติในอนาคตได้ เพราะช่วยปลดล็อก และเติมเต็มศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยได้อย่างปลอดภัยจะเป็นไปตามมาตราฐานสากล แน่นอนว่าวันนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องทำไม่ว่าจะเป็นการสร้างคน ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ ให้เข้าเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา แต่เมื่อถึงวันที่คนเข้าใจมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

เร่งสร้างความรู้ เพื่อสร้างโอกาสในโลกธุรกิจ

Digital ID
สุรางคณา วายุภาพ ผอ.สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.)

สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กล่าวว่า  ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาธุรกรรมออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซของประเทศ  มีบทบาทหน้าที่ใน 2 เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการผลักดัน

คือการกำหนดมาตรฐาน คือ การกำกับดูแลผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ และการให้บริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 3 และ 4) พ.ศ. 2562 และการผลักดันกฎหมายลูก ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับที่ 4  พ.ศ. 2562

โดยคาดว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2562 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะช่วยปลดล็อก และเติมเต็มศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยได้อย่างเต็มกำลัง เพราะทำให้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ และมั่นคงปลอดภัย

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน และความเห็นของการใช้ ดิจิทัล ไอดี รวมถึงแนวทางการใช้ ดิจิทัล ไอดี ในอนาคต ในลักษณะ International symposium มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานทั้งใน และต่างประเทศ อาทิ อินเดีย, สิงค์โปร, มาเลเซีย และเอสโตเนีย

Digital ID

ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องของ ดิจิทัล ไอดี จากหลากหลายสาขา ที่ร่วมชี้ให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจ และสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลได้ต้องมีพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการ และธุรกรรมต่าง ๆ ทางดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัย

โดยมีกฎหมายรองรับ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสร่วมกันในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Digital Thailand  เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย โดยเราเริ่มเห็นเรื่องของการใช้ eKYC และใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมาก ที่จะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนธุรกิจจนมาถึงเรื่องของการป้องกัน

ทั้งนี้การใช้ ดิจิทัลไอดี ทำให้เทคโนโลยีระบบรหัสแบบกุญแจสาธารณะ (Public Key Cryptography หรือ PKI) หรือ เทคโนโลยีระบบรหัสแบบกุญแจสาธารณะ สามารถตรวจสอบลายมือชื่อ กำลังถูกยกระดับเพื่อความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดย ASEAN กำลังขับเคลื่อน ASEAN Authentic เช่นกัน

ขณะที่ทั่วโลก องค์การสหประชาชาติ (UN) กำลังพยายามผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกัน ตรวจสอบได้ (Identity Management) และเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว โดยมีร่าง Draft แรกของ UN ออกมาแล้ว ซึ่งไทยได้ใช้เป็นแนวทางในการร่างกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 3และ4) พ.ศ.2562

โดยกฎหมายฉบับนี้จะทำให้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลมีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ และมั่นคงปลอดภัย ซึ่งจะช่วยปลดล็อกและเติมเต็มศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย สร้างโอกาสให้เกิด Startup ใหม่ๆ มากขึ้น  ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม จะมีผ่านการจัด Public Hearing ครั้งใหญ่

เพื่อที่จะได้นำเสนอ ดิจิทัล ไอดี ให้ทันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2562 นี้ จากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่กฤษฎีกาภายใน 2 เดือนข้างหน้า คาดว่าน่าจะผลักดันพระราชกฤษฎีกาให้ออกโดยเร็วที่สุดในปลายปีนี้ ปัจจุบันเราเห็นเรื่องการใช้ระบบยืนยันตัวบุคคลผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นในภาคของการเงินการธนาคาร

แต่จริง ๆ เรื่องนี่เกี่ยวข้องได้หลายส่วน ไม่ได้จำกัด แค่ภาคธนาคาร แต่ที่เห็นเริ่มที่ธนาคารเพราะเป็นเรื่องที่เริ่มต้นได้เลย เพราะธนาคารก็มีความพร้อม และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงิน และต้องการความปลอดภัยมากขึ้น โดยหากมองในการแง่ของการยืนยันตัวบุคคลผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลในวันนี้อาจจำเป็นต้องใช้การพิสูจน์มากกว่า 1 อย่างขึ้นไป

และต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลที่ใช้ยืนยัน ในแต่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้เหมือนกัน ธุรกิจประกัน อาจจะไม่ต้องใช้การยืนยันข้อมูลตัวตนด้านสุขภาพ หากไม่เกี่ยวของกับส่วนที่โรคภัยที่เป็นโรคต้องห้ามในสัญญาประกัน

ถึงเวลาแล้วที่ต้องร่วมกันผลักดันให้การใช้ดิจิทัลไอดีเพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าการทำธุรกรรม และการใช้บริการต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย

การจัดงานประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ภาคธุรกิจให้เห็นถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องดิจิทัลไอดีร่วมกับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่จะเปิดมุมมองให้ตระหนักถึงความจำเป็นของการมีดิจิทัลไอดี

Digital ID
Mr.Jonathan Marskell ID4D Specialist World Bank (ที่สองจากซ้าย), Mr.Andrus Kaarelson จาก Estonia (ที่สามจากซ้าย), Dr.Pramod Varma จาออินเดีย (ตรงกลาง), Mr.Kendrick Lee จาก สิงค์โปร (ที่สองจากขวา) และMr.Ng Kang Siong จากมาเลเซีย (คนแรกจากขวา)

ด้วยการเปลี่ยนเรียนรู้กับกูรูผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ผลักดันการใช้ดิจิทัลไอดี ไม่ว่าจะเป็น เอสโตเนีย อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และธนาคารโลกที่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ นอกจากนี้ในงานยังมีการออกบูธโชว์นวัตกรรม แนวทางการใช้ดิจิทัลไอดีในอนาคตจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนชั้นนำ อย่าง NDID, DataONE, NCB ฯลฯ

เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน และสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA จะยังคงเดินหน้าจัดงานสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องของ ดิจิทัล ไอดี ต่อเนื่อง และจะเพิ่มความเข้มข้นในเนื้อหาวิธีการใช้งาน ให้แก่ภาครัฐ และภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อให้เกิดกระบวนการนำไปใช้งานจริงกับธุรกิจ

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่