Eleader May 2015

V_B

ดร.รัฐิติ์พงษ์ พุทธเจริญ Security Solution Consultant บริษัท บลูโค้ท ซิสเต็มส์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า Digital Economy จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถเข้าถึงลูกค้าหรือให้บริการในด้านต่างๆ กับลูกค้าทุกระดับผ่านช่องทางดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ในต้นทุนที่ถูกลง เพิ่มโอกาศและความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถแช่งขันกับผู้ประกอบการในต่างประเทศได้

โดยเฉพาะกลุ่ม SME ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้สินค้าและบริการกับผู้ประกอบการในไทยมากขึ้น พร้อมกับสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศผ่านช่องทางดิจิทัลโดยเฉพาะหลังจากการเปิด AEC นำเงินกลับเข้าประเทศได้อย่างมหาศาล

นอกจากนั้นเมื่อประเทศมีความพร้อมทางด้านดิจิทัลมากขึ้นทั้งในด้านการบริการ, ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) การให้บริการของรัฐ (E-Government) รวมถึงความพร้อมของบุคลากรภายในประเทศที่สูงขึ้นจากการเข้าถึงข้อมูลและค้นคว้าหาความรู้ได้ง่ายขึ้น จะช่วยดึงดูดให้ผู้ลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในที่สุด

ประชาชนจะสามารถใช้บริการต่างๆ ผ่านระบบดิจิทัลทั้งบริการจากทางภาครัฐ และภาคเอกชนได้สะดวกขึ้น เป็นการลดเวลาและค่าใช้จ่าย ให้กับประชาขนโดยเฉพาะผู้ที่ด้อยโอกาศที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลออกไป ให้สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ และเอกชนได้เท่าเทียมกัน และยังทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารที่เป็นความรู้ สามารถพัฒนาตนเองให้มีความสามารถสูงขึ้น รวมถึงใช้ Digital Economy เป็นช่องทางในการทำธุรกิจส่วนตัวได้จากทุกที่ และทุกเวลา สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนให้สูงขึ้นจากโอกาสที่เปิดกว้างมากชึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อ Digital Economy กลายเป็นช่องทางใหม่ เกิดธุรกิจใหม่ผู้คนเข้าถึงออนไลน์มากขึ้น ความสำคัญด้านความปลอดภัยข้อมูลจำเป็นต้องมากขึ้นด้วย โดยบทบาทของบลูโค้ดก็มุ่งเน้นตอบสนองตลาดด้วยการพัฒนาระบบความปลอดภัยแบบครบวงจร (Blue Coat Advanced Threat Protection) เพื่อเชื่อมช่องว่างการปฏิบัติงานในแต่ละวัน พร้อมจำกัดเหตุร้ายและแก้ปัญหาระหว่างหน่วยงานรักษาความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงระบบ Blue Coat Content Analysis System ที่เน้นการวิเคราะห์มัลแวร์ช่วยให้การป้องกันภัยคุกคามขั้นสูงที่เกตเวย์อินเทอร์เน็ตด้วย

เนื่องจากองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้นำเทคโนโลยีรุ่นใหม่เข้ามาเสริมประสิทธิภาพของตนในทุกฟังก์ชันการทำงาน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ทีมรักษาความปลอดภัยจะต้องเข้าใจถึงภัยคุกคามต่างๆ ที่อาจผ่านแนวป้องกันความปลอดภัยของตนเข้ามาได้ พวกเขาจะต้องปรับแนวทางเพื่อจัดการภัยคุกคามขั้นสูงต่างๆ ให้สอดคล้องกับแนวป้องกันของระบบอย่างครบวงจร

ทั้งนี้โซลูชัน Blue Coat Advanced Threat Protection เป็นระบบป้องกันภัยคุกคามขั้นสูงแบบครบวงจรเป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยป้องกันเครือข่ายด้วยการบล็อกภัยคุกคามที่รู้จัก การตรวจจับมัลแวร์ที่มีอยู่ในระบบและที่ไม่รู้จักในเชิงรุก การผสานรวมข้อมูลด้านภัยคุกคามระดับท้องถิ่นและระดับโลก เพื่อเปลี่ยนภัยคุกคามที่ไม่รู้จักให้กลายเป็นภัยคุกคามที่สามารถตรวจจับได้ในแต่ละขั้นของวงจรการเกิดอุบัติการณ์ต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตลอดจนดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในรูปแบบอัตโนมัติเพื่อตอบสนองต่อเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบทั้งการป้องกัน การกำจัด การกู้คืนระบบอย่างครอบคลุม และเป็นไปตามที่สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (National Institute of Standard and Technology: NIST) กำหนดสามารถรองรับต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยในขณะนี้