อไอเอส (AIS) ฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 เดินหน้าอัดงบมอบสิทธิพิเศษ ประกาศจุดยืนตั้งเป้าก้าวสู่องค์กรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสานต่อโครงการสร้างสรรค์สังคม…

highlight

  • ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรร้านค้าชั้นนำ 1,918 แบรนด์ ที่มีจำนวนสาขารวม 27,155 ร้านทั่วประเทศ จัดแคมเปญพิเศษ ขอบคุณลูกค้าครั้งยิ่งใหญ่ ผ่านโครงการ “เอไอเอส พอยท์” ให้กับลูกค้าเอไอเอสและเอไอเอสไฟเบอร์ รวมกว่า 42 ล้านรายทั่วประเทศ 
  • เอไอเอสตั้งเป้าภารกิจ “Mission Green 2020” หวังขับเคลื่อนสังคมไทยสู่วิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ E-Waste  โดย AIS ได้ผลิตนวัตกรรมถังขยะอัจฉริยะ IoT สำหรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งที่ AIS SHOP และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศ หวังภายในปี 2020 จะสามารถช่วยลดค่า CO2 (คาร์บอนไดออกไซด์) ได้จำนวน 1 ล้าน kgCO2e และจัดการกับขยะ E-Waste ได้ทั้งสิ้น 1 แสนชิ้น

AIS อัดงบ ฉลองก้าวสู่ปีที่ 30

AIS

เอไอเอส เดินหน้าฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 จับมือพาทเนอร์พันธมิตรร้านค้าชั้นนำ 1,918 แบรนด์ ที่มีจำนวนสาขารวม 27,155 ร้านทั่วประเทศ อัดงบส่งมอบสิทธิพิเศษ “เอไอเอส พอยท์” เพื่อตอบแทนลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอสไฟเบอร์ รวมกว่า 42 ล้านรายทั่วประเทศ

โดยจะมอบตามอายุการใช้งาน ยิ่งอยู่นาน ยิ่งได้รับพอยท์มาก เช่น ใช้บริการน้อยกว่า 10 ปี รับพอยท์ 30 พอยท์, มากกว่า 10 ปี รับ 60 พอยท์ และ มากกว่า 20 ปี รับ 90 พอยท์ (ซึ่งปกติ ลูกค้าจะได้รับพอยท์ จากการใช้งาน  25 บาท เท่ากับ 1 พอยท์) 

ซึ่งลูกค้าที่เคยสมัครร่วมโครงการเอไอเอส พอยท์แล้ว บริษัทได้มอบพอยท์พิเศษให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 และตลอดเดือนตุลาคม 2562 เพียงใช้เอไอเอส พอยท์ 1 พอยท์ แลกรับสิทธิพิเศษได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น

ร้านอาหาร และเครื่องดื่มสุดฮิต, บัตรกำนัลและคูปองส่วนลด, สินค้าและบริการจาก AIS และสิทธิ์ลุ้นรับโชค ทองคำมูลค่า 657,000 บาท และ Samsung Galaxy Note10 Plus จำนวน 30 รางวัล รวมมูลค่า  1,137,000 บาท เริ่มแลกได้ ตั้งแต่วันที่ 4-31 ตุลาคม 2562

AIS

ตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็น Green Environment Friendly Organization

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่าตลอดระยะ 29 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มเทวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital Infrastructure ที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยงบลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท

และยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อร่วมสนับสนุนการเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันในเวทีโลก และนอกจากเรืองของสิทธิพิเศษที่จะมอบให้แก่ลูกค้า เอไอเอส และเอไอเอสไฟเบอร์ แล้ว เพื่อฉลองการก้าวสู่ปีที่ 30 ของเอไอเอส 

เราจึงตั้งเป้าหมายใหม่ให้แก่องค์กรธุรกิจ ด้วยการเปลี่ยนองค์กรให้ก้าวสู่องค์กรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเราจึงตั้งโครงการ E-Waste ขึ้นภายใต้ภารกิจ Mission Green 2020

เพื่อสร้างความตระหนักถึงผลเสียของการทิ้งขยะอย่างไม่ถูกวิธี และรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยเอไอเอสจะร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของทุกคน

AIS
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส

และลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างในไทย โดยคนไทยสามารถทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ได้ที่ ถังขยะ E-Waste จากเอไอเอสที่จะตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ อาทิ AIS Shop และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล

และในอนาคตจะถูกกระจายไปยังมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยขยะจากถัง จะถูกนำไปจัดการ และทำลายอย่างถูกวิธี ด้วยกระบวนการจัดการขยะ ทำให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ให้เกิดมูลค่าได้อีก (Zero landfill)

โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 62 ที่ผ่านมาเราได้มีวางถังขยะ E-Waste จำนวนทั้งสิ้น 81 จุด ที่ AIS Shop (ในกรุงเทพ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ) และศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล (เฉพาะในกรุงเทพฯ)

โดยถังขยะ E-Waste เองก็ทำมาจากวัสดุทำมาจากไม้อัดรีไซเคิล โดยเป็นการดีไซน์จากนิสิตนักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และทีมงานโครงการ AIAP (AIS IoT Alliance Program)

โดย AIS ได้ต่อยอดนำเทคโนโลยี IoT เข้ามามีส่วนช่วยในการนับชิ้นขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบ Real-time เพื่อ Convert ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ลดลงและแสดงบนเว็บไซต์ www.ewastethailand.com

และในอนาคต เอไอเอสจะจับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ นำถังขยะ E-Waste ไปตั้งในแหล่งศึกษาตามจุดต่าง ๆ นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เอไอเอสยังมีแผนที่จะไปรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้คนไทยถึงที่บ้าน

AIS

โดยนำขยะที่ได้ไปส่งให้กับพาร์ทเนอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการกำจัดขยะเหล่านี้อย่างถูกวิธี และนำเงินที่ได้รับจากการขายขยะไปบริจาคให้กับมูลนิธิ นอกจากนี้ ในส่วนการให้บริการลูกค้า บริษัทยังได้ทยอยเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ลดปริมาณการใช้พลาสติก อาทิ เปลี่ยนจากขวดน้ำพลาสติก เป็น แก้วกระดาษและเครื่องกดน้ำ ตลอดจนการรณรงค์ให้พนักงานภายในองค์กร ตระหนักสิ่งแวดล้อม และปรับวิถีไลฟ์สไตล์ในที่ทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เบื้องต้นน่าจะช่วยลดค่า CO2 ให้กับโลกใบนี้ ถึงจำนวน 1 ล้าน kgCO2e

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบ และข้อมูลบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ eleaderfanpage