AIS

AIS เผยผลประกอบการ 9 เดือน รายได้รวมโตขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกัน ขณะที่ลูกค้า 4G และ เอไอเอส ไฟเบอร์ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง เตรียมเสริมศักยภาพเครือข่ายหลังได้ 1800MHz

เอไอเอส ประกาศผลประกอบการช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2561 มีรายได้รวม 125,271 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องด้วยอัตราการใช้งาน 4G ที่เพิ่มขึ้น จำนวนลูกค้า เอไอเอส ไฟเบอร์ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง

และการรวมธุรกิจ CSL ที่ให้บริการลูกค้าองค์กร ทำให้มีกำไรสุทธิ 22,843 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.1% จากปีก่อน พร้อมมุ่งมั่นเสริมศักยภาพเครือข่าย และแบรนด์หลังจากได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800MHz เพิ่มขึ้น รวมเป็นปริมาณคลื่นที่สามารถให้บริการ 4G ได้สูงสุดเต็มประสิทธิภาพ

AIS ขอแตกต่างด้วยการผนวกรวมบริการที่หลากหลาย

AIS

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า สำหรับภาพรวมในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2561 รายได้รวมของ เอไอเอส ยังคงเติบโตขึ้น 7.5% จากปีก่อน

ทั้งนี้ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโต 1.4% หลังตลาดโดยรวมมีการชะลอการเติบโตจากการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะในแพ็กเกจรูปแบบการใช้งานไม่จำกัดด้วยความเร็วคงที่ (fixed-speed unlimited) ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 552,300 เลขหมาย

และการใช้งานดาต้าของลูกค้าเฉลี่ยยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 10 กิกะไบต์ต่อเดือน และอัตราการใช้งาน 4G ขยายตัวมาอยู่ที่ 57% ของลูกค้ารวม อีกทั้งล่าสุด เอไอเอส ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับJaymart เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าที่จะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของ เอไอเอส 

ในอนาคต พร้อมทำการตลาดอย่างต่อเนื่องและเปิดให้บริการ 4G บนคลื่นความถี่1800MHz ที่มีความกว้างถึง 40MHz (Super Block) เพียงรายเดียวซึ่งช่วยให้ 4G มีความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 15-30% ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงมีรายได้เติบโต 48% เทียบกับช่วงเก้าเดือนของปีก่อน

จากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 676,700 ราย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ โดยยังคงมีเป้าหมายหลักในการเป็นผู้ให้บริการรายสำคัญในอีก 2-3 ปี พร้อมเน้นการหาลูกค้าที่มีคุณภาพด้วยความแตกต่างด้านเทคโนโลยีไฟเบอร์แท้ (Pure Fibre)

และเน้นสร้างความแตกต่างด้วยการผนวกรวมบริการที่หลากหลายในธุรกิจของ เอไอเอส ทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และดิจิทัลคอนเทนต์

AIS

นอกจากนี้ เอไอเอส ยังคงวางรากฐานในธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิสเพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้บริการดิจิทัลกับทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มลูกค้าองค์กร ล่าสุดได้ร่วมกับ Singtel และธนาคารกสิกรไทย

เปิดตัวเครือข่ายชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือข้ามประเทศภายใต้ชื่อ VIA ให้ลูกค้าคนไทยและสิงคโปร์สามารถชำระเงินด้วย QR Code ผ่านทางกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือในแอป เอไอเอส โกลบอล เพลย์ ผ่านร้านค้าของทั้งสองประเทศรวมจำนวนมากกว่า 1.6 ล้านร้านค้า

ช่วยให้การใช้จ่ายเงินมีความคล่องตัวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การรักษาความแข่งแกร่งทั้งในเชิงการเงิน และการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งโดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญความท้าทายกับ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน

ยังคงเป็นบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิกว่า 22,843 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา หรือกว่า 6,800 ล้านบาทในไตรมาสนี้  และมีความพร้อมต่อการลงทุนเพื่ออนาคต รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาบริการด้านดิจิทัล ปรับระบบการดำเนินงานในเป็นดิจิทัล

และการยกระดับคุณภาพของพนักงาน เอไอเอส รวมทั้งสังคมไทย ผ่านการผลักดันของ เอไอเอส อะคาเดมี่ และ อะคาเดมี่ ฟอร์ ไทย พร้อมเป็นศูนย์กลางประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลให้คนไทยได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ศุภวาท (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่