Schneider Electric

เผย 2 โรงงานอัจฉริยะ จาก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ที่ได้รับการยอมรับจากสภาเศรษฐกิจโลก ว่าเป็นประภาคารแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

ภายในงานอีเวนต์ “ซัมเมอร์ ดาวอส” หรือ งานประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลกครั้งที่ 12 ( Annual Meeting of the New Champions) ที่ผานมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยโฉม 2 โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)

ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น ประภาคารแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” โดยทั้ง 2 โรงงานที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่ โรงงาน เลอ โฟเดรเยอ ในประเทศฝรั่งเศส ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในท็อป 9 โรงงานซึ่งมีความล้ำหน้า

โดยได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างสมบูรณ์ และเป็นการใช้งานในขนาดใหญ่ อีกทั้งยังยึดเอาผู้คน และความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม โดยโรงงาน เลอ โฟเดรเยอ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นโรงงานอัจฉริยะแบบบูรณาการที่ได้มีการนำเครื่องมือระบบดิจิทัล เช่น AR (augmented reality)

มาช่วยเสริมศักยภาพให้กับผู้ดำเนินงาน เพื่อเพิ่มความสามารถและลดเวลาการทำงานสำหรับส่วนงานปฏิบัติการและการซ่อมบำรุง รวมถึงการใช้พลังงานในไซต์งานทั้งหมด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้มากถึง 30% อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุปกรณ์และเพิ่มผลิตผลได้สูงถึง 7%

Schneider Electric

2 Smart Factory  by Schneider Electric

ซึ่งภายในงานอีเวนต์งานประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลกครั้งที่ 12 Annual Meeting of the New Champions หรือ ซัมเมอร์ ดาวอส เป็นงานที่รวบรวมบรรดาผู้นำธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญกว่า 2,000 ราย จากกว่า 80 ประเทศ

เพื่อเข้าร่วมการอภิปรายในระดับสูง ภายใต้ธีมในปีนี้ซึ่งคือการปรับแต่งสังคมแห่งนวัตกรรมในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Shaping Innovative Societies in the Fourth Industrial Revolution

โดยมีการประเมินว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้จะสร้างเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจโลกได้ถึง 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐจากการยกระดับประสิทธิผลให้ดียิ่งขึ้น การได้รับการคัดเลือกจากรายชื่อบริษัทด้านการผลิตกว่า 1,000 แห่ง ทำให้โรงงานอัจฉริยะแห่งอนาคตชั้นนำของโลกแห่งนี้

ได้รับรางวัลจากการเป็นไซต์งานที่เปรียบเสมือน “ประภาคาร” จากความสำเร็จในการติดตั้งเทคโนโลยีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ในแง่ของการขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีทั้งด้านการเงิน และการดำเนินงาน

ซึ่ง โรงงาน เลอ โฟเดรเยอ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับรางวัลในฐานะที่เป็นหนึ่งในท็อป 9 ของโลกที่เป็นไซต์งานที่มีความล้ำหน้าที่สุดของโลก เพราะติดตั้งเครื่องมือระบบดิจิทัลรุ่นใหม่ล่าสุด เช่น EcoStruxureTM Augmented Operator Advisor

ซึ่งช่วยให้ผู้ดำเนินงานสามารถนำเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาช่วยเร่งการดำเนินงานให้เร็วขึ้น รวมถึงการซ่อมบำรุงและยังช่วยเพิ่มผลิตผลได้ระหว่าง 2 ถึง 7% ทั้งนี้ในการติดตั้งครั้งแรก ระบบสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากถึง 30%

อีกทั้งยังมีส่วนช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปี ขณะที่ โรงงาน วูฮาน ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องจากชุมชนผู้เชี่ยวชาญในการประชุมว่าเป็นไซต์งานแรกที่นำระบบดิจิทัลมาใช้

สำหรับการเดินทางในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของชไนเดอร์ อิเล็คทริคเมื่อสองปีที่ผ่านมา ด้วยการนำสถาปัตยกรรม EcoStruxureTM สำหรับอุตสาหกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มากำหนดเป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานอัจฉริยะในประเทศจีนและประเทศอื่นๆ

โดยไซต์งานดังกล่าวได้มีการติดตั้งระบบบริหารสินทรัพย์และความน่าเชื่อถือ ผ่านโซลูชันคลาวด์และ IIoT ซึ่งสามารถคืนผลตอบแทนจากการลงทุนได้ภายใน 6 เดือน

อเลน เดอดิเออ รองประธานอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรม ได้เป็นตัวแทนในนามชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในหัวข้อประชุมเรื่อง การสร้างโรงงานแห่งอนาคต (Building Factories of the Future) กล่าวว่า การติดตั้งเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ในโรงงานเพื่อสาธิตให้เห็นว่าโลกดิจิทัลที่เชื่อมต่อถึงกันในปัจจุบันนำผลิตภัณฑ์และความเป็นเลิศในการดำเนินงานมาใช้อย่างไร นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบทางธุรกิจในการแข่งขันผ่านประสบการณ์ยอดเยี่ยมที่ลูกค้าได้รับ

เป็นแนวทางการปฏิบัติระดับโลกของชไนเดอร์ อิเล็คทริคในเรื่องซัพพลายเชนที่มีส่วนช่วยเร่งไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียวที่ยั่งยืน 

Schneider Electric

จากการสาธิต สู่การปฏิรูป ของเครือข่าย เพื่อภาคการผลิต

กว่า 70% ของธุรกิจที่ลงทุนในเทคโนโลยี เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้า ปัญญาประดิษฐ์ หรือการพิมพ์แบบ 3 มิติ ไม่สามารถนำโครงการนำร่องไปสู่เฟสต่อไปได้ ซึงประเด็นคือภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจเกิดใหม่และเศรษฐกิจแบบก้าวหน้า

เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงทุนในเทคโนโลยีล้ำหน้า สภาเศรษฐกิจโลกจึงได้เปิดตัวเครือข่าย “ประภาคารเพื่อภาคการผลิต” (manufacturing lighthouses) เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยได้นำประโยชน์ที่เก็บเกี่ยวและเรียนรู้มาช่วยนำทางระบบนิเวศด้านการผลิตที่มีขนาดใหญ่

รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทข้ามชาติ องค์กรขนาดกลางและเล็ก สตาร์ท-อัพ ภาครัฐบาล และภาคการศึกษา อีกด้วย ปัจจุบัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอันทรงเกียรติของบรรดาผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่เห็นพ้องในเรื่องของการเปิดประตู

เพื่อแบ่งปันความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ (เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อิเล็คทรอนิกส์ ฯลฯ) พร้อมทั้งพัฒนาระบบนิเวศของผู้สร้างนวัตกรรม ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีโรงงานอัจฉริยะมาใช้ต่อไปในภายภาคหน้า

นอกจากนี้ โรงงาน เลอ โฟเดรเยอ ได้รับเครื่องหมายการเป็นโชว์เคสอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ Vitrine Industrie du Futur (“Future Industry Showcase”) จาก Alliance Industrie du Futur ในประเทศฝรั่งเศส  โดยเมื่อต้นปีนี้ โรงงานดิจิทัลแห่งนี้

ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2018 ซึ่งได้รับเกียรติจาก Sébastien Lecornu เลขาธิการรัฐของฝรั่งเศสและเป็นรัฐมนตรี Ecological and Inclusive Transition พร้อมด้วย ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานและซีอีโอ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เข้าร่วมในพิธี

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่