redhat

redhat เผยองค์กรต่างๆ ทั่วเอเชีย-แปซิฟิก ต้องการแนวทางในการวางโครงสร้างพื้นฐานไอทีเพื่อช่วยเพิ่มความคล่องตัว และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

redhat เผยแนวทางร่วมมือเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของธุรกิจ

โจเซฟ การ์เซีย รองประธานฝ่ายพาร์ทเนอร์ด้านช่องทางจัดจำหน่ายและพันธมิตร เร้ดแฮท เอเชีย-แปซิฟิก เผยว่าไอดีซีคาดการณ์ว่าภายในปี 2564 อย่างน้อย 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) จะเป็นรูปแบบดิจิทัล และมีแนวโน้มเติบโตในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานและความเชื่อมโยงที่ได้รับการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบคลาวด์ เพื่อปรับปรุงธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างประสบความสำเร็จ ขณะที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวน องค์กรต่างๆ

จึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัว เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด  นี่คือส่วนที่เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สเข้ามามีบทบาทสำคัญ ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา

redhat

เราได้พบเห็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สช่วยปลดปล่อยศักยภาพในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงบริการด้านการเงิน โทรคมนาคม และภาครัฐ ด้วยการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ โอเพ่นซอร์สยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มที่สำคัญๆ ในด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบคลาวด์ และคอนเทนเนอร์ เนื่องจากการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ กล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือ โอเพ่นซอร์สจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ตอบโจทย์ความต้องการทางด้านธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ร่วมมือกันเพื่อความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า

อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของโอเพ่นซอร์สเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความรอบรู้ของผู้คน (wisdom of the crowd) โดยความคิดเห็นของกลุ่มคนจำนวนมากย่อมจะเฉียบแหลมกว่าผู้เชี่ยวชาญเพียงหนึ่งคน  ด้วยเหตุนี้เร้ดแฮทจึงเชื่อว่าพาร์ทเนอร์คือองค์ประกอบสำคัญสำหรับธุรกิจของเร้ดแฮท

และมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนที่เหมาะสมแก่พาร์ทเนอร์เพื่อช่วยขยายธุรกิจให้เติบโต วิธีหนึ่งที่เร้ดแฮทดำเนินการก็คือ การประชุมพาร์ทเนอร์ (Red Hat Partner Conference) ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ซึ่งปีนี้ได้จัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2561 ภายใต้หัวข้อ Stronger Together” เพื่อเปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์ได้เข้าร่วมเครือข่าย เพิ่มพูนความรู้ด้านเทคนิคเกี่ยวกับการผนวกรวมและปรับปรุงแอปพลิเคชั่นให้ทันสมัย ระบบงานไอทีอัตโนมัติ ระบบคลาวด์

redhat

และเวอร์ชวลไลเซชั่น แพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ DevOps และระบบไฮบริดคลาวด์แบบเปิด รวมทั้งเรียนรู้ว่าเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สจะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมในด้านต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างไร

 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้พาร์ทเนอร์ขยายธุรกิจให้เติบโต เร้ดแฮทจึงพยายามที่จะจัดหาทรัพยากรด้านการขาย การตลาด และด้านเทคนิคที่จำเป็นผ่านทาง Partner Content Hub เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ก้าวทันความเปลี่ยนแปลง  นอกจากนี้ ยังจัดหาเส้นทางที่เฉพาะเจาะจงเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์หลากหลายกลุ่ม

เช่น ผู้ติดตั้งระบบ (SI), ผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และผู้ให้บริการคลาวด์ (CCSP) เข้าใจวิธีการใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่

 นอกจากนี้ ช่วงกลางปีที่แล้ว เร้ดแฮทได้ประกาศว่าผู้ให้บริการคลาวด์และผู้ให้บริการภายใต้การจัดการในอินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ได้เข้าร่วมโครงการ Red Hat CCSP เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับเทคโนโลยีที่ใช้ระบบคลาวด์ 

นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นดำเนินโครงการเมื่อปี 2558 มีผู้ให้บริการคลาวด์ได้รับการรับรองในฐานะ CCSP หลายร้อยราย เพื่อนำเสนอโซลูชั่นของเร้ดแฮทในตลาดโลก  เรารู้สึกตื่นเต้นที่โครงการนี้ได้รับการตอบรับที่ดีในเอเชีย-แปซิฟิก และกระตุ้นความสนใจได้ทั่วภูมิภาค

 เมื่อเดือนมิถุนายน เราได้เปิดตัว โครงการ Red Hat OpenShift Practice Builder Program ในเอเชีย-แปซิฟิกสำหรับ SI  โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ SI ในภูมิภาคนี้ เพื่อตอบรับความสนใจที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้คอนเทนเนอร์

รวมถึงแพลตฟอร์มที่รองรับเวิร์กโหลดบนระบบคลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอนวัตกรรมโซลูชั่น นอกจากนั้น เรายังพบว่า Red Hat OpenShift Container Platform ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความช่วยเหลือของผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) 

ทั้งนี้ เพื่อก้าวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว องค์กรต่างๆ ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมจำเป็นที่จะต้องมีแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นที่ทันสมัย แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และปรับขนาดได้ สามารถรองรับเวิร์กโหลดที่ใช้กับระบบคลาวด์โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน 

เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิกได้รับประโยชน์จากโอกาสดังกล่าว มี ISV จำนวนเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ที่ผนวกรวม Red Hat Open Shift เข้าไว้ในผลิตภัณฑ์และบริการแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าที่ใช้ระบบคลาวด์ประสบความสำเร็จ

redhat

 ปลดปล่อยศักยภาพของธุรกิจทั่วโลก

เร้ดแฮทรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสต่างๆ ที่เราได้นำเสนอให้แก่พาร์ทเนอร์ในเอเชีย-แปซิฟิก เนื่องจากเทคโนโลยีกำลังขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดและกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ  อย่างไรก็ตาม ดังคำกล่าวที่ว่า ของที่อยู่รวมกันเป็นหนึ่งมีคุณค่ามากกว่าเมื่อแยกกัน 

ซึ่ง เร้ดแฮท สามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ เอาชนะสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นโดยอาศัยความช่วยเหลือของพาร์ทเนอร์ ด้วยการให้ความรู้และเครื่องมือด้านโอเพ่นซอร์สแก่พาร์ทเนอร์ พาร์ทเนอร์ก็จะสามารถวางแผนปฏิรูปธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรอบด้านมากขึ้น

และช่วยให้ลูกค้าปรับปรุงการดำเนินงานโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลได้รวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน และนี่คือแนวทางที่เราจะร่วมมือกันเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของธุรกิจทั่วโลก

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุประสงค์มุ่งเพื่อโจมตีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Digital Content)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่