KTB

กรุงไทย (KTB) เปิดตัวแอพฯ “กรุงไทย NEXT” หวังช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์สังคมไร้เงินสด “โอน เติม จ่าย” ตอบโจทย์การทำธุรกรรมยุคดิจิทัลครบวงจรบนแอปเดียว เตรียมอัดงบ 10,000 ล้านบาท ยกระดับสู่การเป็น Invisible Banking เต็มรูปแบบ ตั้งเป้าดันยอดผู้ใช้งานทะลุ 10 ล้านคนภายในปีหน้า

KTB Next เปลี่ยนทุกธุรกรรมทางการเงินให้เป็นเรื่องง่าย 

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หลังจากที่เราได้ขับเคลื่อนช่วยสนับสนุนโครงการภาคัฐในเรื่อง National e-Payment เพื่อนำพาประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในวันนี้เราจึงได้เดินนห้าสานต่อเป้าหมาย ด้วยการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ในชื่อ “กรุงไทย NEXT” เพื่อผลักดันโครงสร้างรากฐานของประชากรให้มีความแข็งแรง และส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจลงลึกในทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง ซึ่งรวมไปถึงการส่งเสริม SME และเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ๆ ในทุกภูมิภาคของประเทศ

เพื่อที่จะนำพาสังคมไทย ไปสู่ The NEXT Level ของการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งธนาคารกรุงไทยจะเป็นธนาคารที่จะมอบความสะดวกสบายทุกที่ ทุกเวลา ให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว อันจะเป็นพลังสำคัญในการยกระดับประเทศไทยให้ก้าวสู่ Thailand 4.0

KTB
ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย

ซึ่งผมมั่นใจว่าการพัฒนาโครงสร้างทางทำธุรกรรมการเงินของคนไทยในทุกภาคส่วนให้แข็งแรงขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน การเปิดตัวแอพฯ “กรุงไทย NEXT” ถือเป็นการสานต่อเป้าหมายของเราหลังจากที่เคย ทำให้แอพฯ KTB NetBank มียอดผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านราย

ซึ่งหากมองในส่วนของเทรนด์การใช้บริการทางการเงินของผู้บริโภคในปัจจุบัน จะพบว่าผู้บริโภคมีการใช้บริการผ่านเคาเตอร์ธนาคารลดลงกว่า 8% แต่ใช้งานแอพพลิเคชั่นแบงค์กิ้งผ่่านโมบายเพิ่มขึ้นเป็น 56% ขณะที่การใช้งานผ่านตู้กดเงินสดนั้นโตขึ้นเพียง 1% เท่านั้น

นอกจากนี้ ในการออกแบบ “กรุงไทย NEXT” เราได้ใช้หลักในเรื่องของความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง (User Centric) ตั้งแต่การออกแบบให้มี UI ที่ใช้งานง่าย โดยเราออกแบบระบบให้ให้สามารถปรับเปลี่ยนรองรับกับบริมาณการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม

KTB

ผ่านเทคโนคลาวด์ (Cloud) ทั้งแบบ Public Cloud และ Hybrid Cloud ทำให้แอพฯ สามารถให้บริการได้อย่างดีที่สุด ขณะที่ในส่วนของความปลอดภัย (Security) เราได้นำเอาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งทำให้ระบบสามารถรองรับการใช้งานได้ 1แสนคนต่อนาทีเลยทีเดียว

อาทิ การสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) และระบบรู้จำใบหน้า (Facial recognition) มาเพิ่มความปลอดภันทุกครั้งในการใช้ นอกจากนี้เรายังเพิ่มฟีเจอร์ในส่วนของการการกำหนดจำนวนเงินที่ยินยอมที่จะใช้กับเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ได้อีกด้วย

นอกจากนี้เรายังได้แนวคิดการทำงานของบริษัทยุคใหม่แบบ “Agile” โดยเน้นการทำงานเป็นทีม และมีการ Communicate กันในทีมอย่างต่อเนื่อง หากเกิดผิดพลาดได้ และต้องแก้ให้ได้โดยเร็ว พร้อมเปลี่ยนแปลง และปรับตัวอยู่เสมอ มีการ Update ต่อเนื่อง

KTB

ด้าน ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย รองประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เพื่อนำพาประเทศเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัลและรับมือกับ Global Digital Disruption ธนาคารกรุงไทยได้พัฒนา แอพพลิเคชัน “NEXT” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์

และเพื่อตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ของกระแสผลกรทบจากดิจิทัล (Digital Disruption) และนวัตกรรมนี้จะเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นทำเพื่อคนไทย และจะนำประเทศไปสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง

KTB

ขณะที่ ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการทำธุรกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งการให้บริการของธนาคารในทุกวันนี้ได้พัฒนาจากยุค Internet Banking ก้าวสู่ยุค Mobile Banking

จะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ลูกค้าหันไปทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking มากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ของคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่กับ สมาร์ทโฟน โดยข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยเผยว่าในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา

คนไทยทำธุรกรรมทั้งการโอนเงินและชำระเงินค่าบริการต่างๆ ผ่าน Mobile Banking เพิ่มขึ้นเป็น 37.9 ล้านบัญชีในเดือนมิถุนายน จาก 31.6 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2560 ทั้งนี้แม้ว่า Mobile Banking ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คนมากขึ้น

และการใช้สมาร์ทโฟนในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังมีประชากรไทยอีกจำนวนมากที่ยังไม่เข้าถึงการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking โดยเฉพาะคนไทยในเขตภูมิภาคหรือในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่เป็นเช่นนี้เหตุผลหนึ่งคือ ไม่เข้าใจเทคโนโลยี มองว่าใช้ยาก ไม่เข้าใจวิธีการสมัคร

จึงทำให้ไม่กล้าใช้งาน และอีกเหตุผลสำคัญคือการทำธุรกรรมการจ่ายเงินบน Mobile Banking ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมในทุกช่องทาง ทั้งการชำระค่าบริการไปยังองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ยังคงใช้บริการ “โอน เติม จ่าย” ผ่านสาขาธนาคาร และตู้เอทีเอ็ม

KTB

ธนาคารกรุงไทยในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของประเทศไทย จึงมุ่งมั่นในการยกระดับความเป็นอยู่และพฤติกรรมการทำธุรกรรมของผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคให้สะดวกสบาย ผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐที่ต้องการวางโครงสร้างพื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

และขับเคลื่อนสังคมไทยทุกภาคส่วนสู่สังคมไร้เงินสด จึงได้ประกาศยุทธศาสตร์ดิจิทัลสู่การเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่จะก้าวสู่ Invisible Banking อย่างเต็มตัว โดยวางโพสิชั่นของกรุงไทยเป็น “ธุรกรรมในอากาศ” ติดตัวและเคลื่อนที่ไปกับลูกค้าทุกที่ เคียงข้างผู้บริโภคในการทำธุรกรรมทุกที่ทุกเวลา

ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของธนาคารกรุงไทยในการมุ่งมั่นนำเสนอบริการและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของ 5 EcoSystem อันเป็นเป้าหมายหลักของธนาคาร ได้แก่

  • กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ (Government)
  • กลุ่มการชำระเงิน (Payment)
  • กลุ่มด้านสุขภาพ และการรักษาพยาบาล (Health and Medical)
  • กลุ่มมหาวิทยาลัย โรงเรียน นักศึกษา และนักเรียน (University and Education)
  • ระบบขนส่ง (Mass Transit)

หนึ่งในก้าวสำคัญของการเป็น Invisible Banking คือการพลิกโฉม Mobile Banking ที่ครบวงจร ครบครัน และสมบูรณ์มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวแอปกรุงไทย NEXT ที่มอบความสะดวกสบาย รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมให้บริการธุรกรรมการเงินที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทยให้ประชาชน

ในทุกพื้นที่ของประเทศสามารถ “โอน เติม จ่าย” ครอบคลุมที่สุด เชื่อมต่อในทุกๆ ด้าน ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครบวงจรภายในแอปเดียว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำ Mobile Banking เจาะเข้าสู่ประชากรฐานราก ยกระดับอุตสาหกรรม Mobile Banking สู่โครงสร้างระดับมหภาคอย่างแท้จริง

เปลี่ยนเรื่องธุรกรรมทางการเงินให้เป็นเรื่องง่ายๆ และตรงความต้องการ

KTB

จักรกฤษณ์ กลิ่นสมิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า แอปพลิเคชัน “NEXT” คือพัฒนาการของ KTB netbank ที่ก้าวสู่ Mobile Banking ที่สามารถตอบโจทย์ 3 ปัจจัย ได้แก่

  • Platform ใหม่ เป็นแบบ Micro Service ส่งผลให้การทำงานของแอปรวดเร็วขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ซับซ้อน
  • Product มีความปลอดภัยและเสถียรมาก
  • Process ในการจ่ายค่าบริการที่ครอบคลุมที่สุด โดย กรุงไทย NEXT โฉมใหม่นี้มีศักยภาพที่ดีกว่าเดิมในทุกมิติ เพราะมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบ Backend และ Frontend ให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการทำธุรกรรมยิ่งกว่าเคย

โดยแอป “NEXT” ใหม่ของเรา ได้ออกแบบ User Interface หรือ UI ให้สะดวก ใช้งานง่าย ลดขั้นตอนการใช้งาน โดยดึงฟังก์ชั่นโอน เติม จ่าย มาไว้ที่หน้าแรก และไม่เสียค่าธรรมเนียม ทั้งโอนข้ามเขต และโอนต่างธนาคาร ขณะที่ในด้านความสะดวกในการใช้งานผู้ใช้สามารถเติมเงิน

ค่าโทรศัพท์เอไอเอส, ทรู, ดีแทค, My By CAT, Easy Pass และ M-PASS จ่ายเงิน ที่มีเน็ตเวิร์คการทำธุรกรรมการเงินที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย ทั้งช่องทางภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ไม่ว่าจะเป็น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าภูมิภาค การประปานครหลวง การประปาภูมิภาค

การไฟฟ้าภูมิภาคและการประปาภูมิภาคจ่ายได้ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้) ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ บริการรับชำระค่าปรับจราจร กรมขนส่ง กรมธนารักษ์ กรมสรรพสามิต ชำระหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กสท โทรคมนาคม และบริการอื่นๆ

KTB

นอกจากฟังก์ชั่น “โอน เติม จ่าย” ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับฟีเจอร์เสริมต่างๆ อาทิ Krungthai Travel Card ฟีเจอร์แรกและฟีเจอร์เดียวที่ลูกค้าสามารถแลกเงินตราต่างประเทศผ่านแอป กรุงไทย NEXT ด้วยตนเองเก็บไว้ได้ก่อนการเดินทางในอัตราที่พิเศษกว่าในท้องตลาดได้ถึง 10 สกุลเงิน

ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เงินเยน ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และฟรังก์สวิส ให้นักท่องเที่ยวสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมากขณะเดินทางไปต่างประเทศ ลดความเสี่ยงในการถูกโจรกรรม พร้อมดูอัตราแลกเปลี่ยนและแลกเงินเพิ่มเติมได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อกลับประเทศไทย สามารถแลกเป็นเงินไทยกลับมาในอัตราที่ดี ไม่มีทั้งค่าธรรมเนียมแลกเงินและค่าธรรมเนียมรูดบัตรอีกด้วย

นอกจากนี้ตัว “NEXT” ยังมีฟีเจอร์ สำหรับผู้ใจบุญ “กรุงไทย เติมบุญ” (e-Donation) ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถบริจาคเงินได้สะดวกและปลอดภัย ให้กับหน่วยงานรับบริจาคมากที่สุด ครอบคลุมวัด โรงพยาบาล มูลนิธิ สถานศึกษา มัสยิด และองค์กรสาธารณกุศล กว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม

รับใบอนุโมทนาบุญอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที พร้อมส่งข้อมูลการบริจาคให้กรมสรรพากรสำหรับการลดหย่อนภาษีอีกด้วย “NEXT” ยังมีฟีเจอร์พิเศษ ที่รับซื้อ-จองสลากกินแบ่งรัฐบาลล่วงหน้า ได้สะดวก ให้ผู้มีสิทธิซื้อ-จองสลาก ประหยัดเวลาไม่ต้องไปต่อคิวที่ตู้เอทีเอ็มอีกต่อไป

และฟีเจอร์ Money Connect by Krungthai บริการรับจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ เพิ่มโอกาสในการลงทุน ด้วยตัวเองง่ายๆ ผ่าน กรุงไทย NEXT

อีกทั้งฟีเจอร์ที่เหนือกว่าของ “NEXT” ที่สามารถซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด พร้อมรับใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท โดยข้อมูลจะถูกส่งไปที่กรมสรรพกรอัตโนมัติ

และเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานแอพฯ “NEXT” ได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น เราได้เตรียมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 1,500 คน โดยกระจายตัวอยู่สาขาต่างๆ ของเราทั่วประเทศ เพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการใช้งาน “NEXT” ได้สะดวกมากขึ้น

KTB

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่