เมื่อไม่นานมานี้ทางทีมงานได้เห็น Ad ของธนาคารออมสิน (GSB) ที่ได้ ได้ร่วมทำแคมเปญ ร่วมกับ บริษัท ทิพยประกันชีวิต หวังจบทุกปัญหาเรื่องขอสินเชื่อบ้าน (Home loans) เมื่อเทคโนโลยีสามารถทำให้ข้อมูลเชื่อมโยงกัน

GSB ปฏิวัติวงการธนาคารช่วยผู้บริโภคทำเรื่อง Home loans และทำประกันเป็นเรื่องง่าย ๆ

โดยโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ธนาคารอมสิน (GSB) และ บ.ทิพย์ประกันชีวิต (Tip life) ต้องการที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ทำประกัน ผ่านแนวคิด “เติมเต็มความมั่นคงเมื่อขอสินเชื่อบ้านออมสิน ด้วยประกันคุ้มครองสินเชื่อ จากทิพย์ประกันชีวิต เพื่อคุณ…และคนที่คุณรัก”

เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเป็นหนี้ไม่รู้ตัวอาจจะหมดไปซักที หลายๆ ครั้ง ที่เราได้เจอปัญหาเรื่องของการขอสินเชื่อเพื่อกู้ยืมจากธนาคาร เพื่อจะมาซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน แต่กลับพบว่าผู้ทำประกันบางส่วน อาจจะไม่ได้รับรายละเอียดของการแจ้งข้อมูล ทำให้เกิดความผิดพลาดในการชำระ และส่งผลต้องจากค่าปรับย้อนหลัง

แนวคิดดังกล่าวน่าจะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาในกระบวนการที่ยุ่งยาก เมื่อเกิดมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ระหว่าง ธนาคาร ใน กับบริษัทผู้รับทำประกันในอดีต โดยที่ผู้ที่ขอยื่นซื้อสินเชื่อบ้านไม่ต้องยุ่งยาก ในหลายขั้นตอน จากการที่ได้ดูโษณานี้ ผู้เขียนมองว่า นี่คือเรื่องที่ทั้งบริษัทประกันชีวิต และธนาคาร

ต้องการทำให้ทุกอย่างจบเบ็ดเสร็จในที่เดียว แน่นอนว่า ธนาคารไม่สามารถบังคับให้เราทำประกันสินเชื่อบ้านได้ แต่คงดีกว่าถ้าผู้ที่ไปขอกู้ธนาคารสามารถมีแบบแผนในการรับประกันว่าชีวิตจะสามารถทำให้เรื่องของการผ่อนบ้านไม่เป็นปัญหาหากเกิดในกรณีฉุกเฉิน ไม่คาดฝัน

ก็ยังวางใจว่าผู้ที่อยู่ข้างหลังจะไม่แบกรับภาระจากการกู้ยืมสินเชื่อบ้าน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถที่เลือกจะทำประกันคุ้มครองวงเงินว่าจะคุ้มครองวงเงินกู้เท่าไหร่ ระยะเวลากี่ปี เพื่อจะได้ปรับให้เหมาะสมกับเบี้ยประกันที่ต้องการ

ยกเว้น เป็นโปรโมชั่นดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ธนาคารอาจมีเงื่อนไขกำหนดเพิ่มว่า ต้องทำประกันคุ้มครองวงเงินเต็มวงเงินกู้ ในระยะเวลาทำประกันเต็มเวลากู้ หรือ ระยะเวลาขั้นต่ำ 10 ปี หรือ 15 ปี เป็นต้น

อนาคตวงการประกันจะอยู่ในสมาร์ทโฟน

GSB

ทำให้คิดว่าในอนาคตเมื่อโลกก้าวสู่ยุคของเทคโนโลยีที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันมากขึ้น เราอาจจะก้าวเข้าสู่ยุคที่สามารถกำหนดรูปแบบในการขอสินเชื่อ ไปพร้อมกับการทำประกันผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ ในมือเลยก็เป้นไปได้ เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน เพราะเราเห็นแล้วในวงการประกันภัย 

มีความตื่นตัวในการทำในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในธุรกิจประกัน (Insurtech) เพื่อตอบสนอง 4 เรื่องด้วยกันคือ ด้านการเลือกซื้อ, การขายและการบริหาร, การพิจารณารับประกัน และการเคลม ซึ่งในด้านของการเลือกซื้อจะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล วางแผนการทำประกัน

และแนะนำแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคนได้ ขณะที่ในส่วนของผู้ขาย หรือบริษัทฯประกันภัย การนำเอาเทคโนโลยีเข้าไปใช้จะช่วยให้ผู้ขายบริหารข้อมูลลูกค้าง่ายขึ้น เพราะสามารถวิเคราะห์การขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขาย

รวมถึงทำให้ผู้ขายสามารถวางแผนงานในการเข้าพบ ทบทวน และบริการลูกค้า ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น และทำการวิเคราะห์ผลการขายที่ผ่านมา (เข้าพบกี่ราย ปิดการขายได้-ไม่ได้กี่ราย เพราะอะไร) แล้วให้คำแนะนำในการพัฒนาการขายและการทำงาน

ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขายมีความสามารถในการทำงานและหารายได้ที่สูงขึ้น และเมื่อระบบการซื้อขายชื่อมโยงกันแบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์ ก็จะช่วยทำให้การซื้อประกัน กรอกเอกสาร จ่ายค่าเบี้ย เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว และสบายขึ้น ด้วยการกรอกข้อมูลใบสมัครทำประกันแบบออนไลน์ (E-Application)

การชำระเงินอิเล็กทรอนิคส์ (E-Payment) และการออกกรมธรรม์ดิจิตอล (E-Policy) ที่จะสามารถช่วยลดต้นทุน เวลา ลดความผิดพลาดในการสมัครทำประกัน มองแล้วจะสะดวกทั้งตัวบริษัทฯประกัน และผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นเองด้วย

GSB

นอกจากนี้ การนำเอาเทคโนโลยีเข้าไปใช้งานยังจะช่วยให้บริษัทประกันสามารถพิจารณารับประกัน ได้ง่ายขึ้น เพราะตัวระบบสามารถตรวจจับ และเก็บข้อมูลพฤติกรรมเพื่อประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคล ช่วยให้ประเมินความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันได้เหมาะสมกับความเสี่ยงมากขึ้น

อีกทั้งยังสามารถช่วยให้เรื่องของการเคลมประกันเป็นเรื่องง่ายดายมากขึ้น เพราะเมื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลดิจิทัลร่วมกันจะช่วยให้แจ้งเคลม ติดตามผล การพิสูจน์ และอนุมัติ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง แม่นยำมากขึ้น

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่