Cloud

ผลสำรวจชี้!! ธุรกิจส่วนใหญ่เตรียมเปลี่ยนสู่การใช้ Cloud และ Low Code เพื่อช่วยให้การออกแบบ และพัฒนาซอฟต์แวร์ ขณะที่การใช้ซอฟท์แวร์บน Data Center จะลดลง…

highlight

  • องค์กรธุรกิจต่างๆ มีทิศทาง และเทรนด์มุ่งไปสู่คลาวด์ และพัฒนาซอฟท์แวร์ด้วยเวอร์ชวลไลเตชั่นแทนการเขียนโค๊ด ส่งผลให้การเติบโตของการใช้บริการบนคลาวด์ในรูปแบบ aPaas และ iPaaS เพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าภายในปี 2021 ซอฟท์แวร์บนระบบคลาวด์จะเติบโตอยู่ที่ 59% ส่วนซอฟท์แวร์บนระบบดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมลดลง 2.6% นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2024 จำนวน 65% ของแอพพลิเคชั่นจะถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Low Code มากขึ้น
  • ความต้องการที่จะยกระดับแข่งขันให้แก่ธุรกิจโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี ส่งผลทำให้เกิดการแข่งขันและพัฒนารูปแบบการให้บริการของผู้ประกอบการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ธุรกิจ และภาครัฐ อาทิ โมบายแบงค์กิ้ง ที่สร้างแอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยให้ลูกค้าสะดวกในการทำธุรกรรมได้จากทุกทีทุกเวลา ขณะที่ธุรกิจประกันภัย และโรงพยาบาล เองก็มีการพัฒนาระบบการให้บริการ เช่น การแจ้งเคลม, การนัดแพทย์
  • อัฟวาแลนท์ เปิดตัว Digital Maker Platform บนคลาวด์ โดยชูฟีเจอร์ใหม่ของ OneWeb เรียกว่า AppSpace รองรับการขับเคลื่อนธุรกิจยุค “Maker Generation” และช่วยลดค่าใช้จ่าย-เวลาในการพัฒนาบริการใหม่ที่ภาคธุรกิจมีการแข่งขันสูง ตั้งเป้าเจาะตลาด Medium Sized Enterprise, SME และ Start Up

ภายใน 2 ปี องค์กรส่วนใหญ่ตั้งเป้าใช้ Software บน Cloud 

แนวโน้มดังกล่าว เริ่มชัดเจนมากขึ้นจากความต้องการองค์กรส่วนใหญ่ ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่น และบริหารจัดการเรื่องของบประมาณในการลงทุนโครงสร้าง ไอทีภายในองค์กร และต้องการเพิ่มความคล่องตัวให้แก่การใช้ซอฟต์แวร์ภายในองค์กร รวมไปถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่องานบริการ (Applications for Service)

ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับที่ทางการ์ทเนอร์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า องค์กรธุรกิจต่างๆ มีทิศทางและเทรนด์มุ่งไปสู่คลาวด์ และ Low Code ซึ่งเป็นการพัฒนาซอฟท์แวร์ด้วยเวอร์ชวลไลเตชั่นแทนการเขียนโค๊ด ส่งผลให้การเติบโตของการใช้บริการบนคลาวด์ในรูปแบบ aPaas (Application Platform as a Service)

และ iPaaS (Integration Platform as a Service) เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งคาดว่าภายในปี 2021 ซอฟท์แวร์บนระบบคลาวด์จะเติบโตอยู่ที่ 59% ส่วนซอฟท์แวร์บนระบบดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมลดลง 2.6%

นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2024 จำนวน 65% ของแอพพลิเคชั่นจะถูกพัฒนาขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์เป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็วโดยปราศจากการเขียนโค้ด (Low Code) หรือเรียกอีกแบบว่า No Code เพิ่มมากขึ้น

อัฟวาแลนท์ พลิกโฉมธุรกิจเปิดบริการ Digital Maker Platform On Cloud รับกระแส 

Cloud

อัครพล บุญวรเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัฟวาแลนท์ จำกัด กล่าวว่า วันนี้เทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลกสู่ยุคดิจิทัล ส่งผลให้การขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจปัจจุบันก้าวข้ามยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) มาแล้ว

และกำลังเข้าสู่ยุคที่ทุกองค์กรต้องสร้างนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ (Make Generation) การเปิดตัว Digital Maker Platform บนคลาวด์ ซึ่งเข้ามาตอบโจทย์ทุกกลุ่มธุรกิจตั้งแต่ระดับเอ็นเตอร์ไพร์ซ  องค์กรขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพ 

ซึ่งเราได้พัฒนาฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม OneWeb ขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายในการต่อยอดความคิดของบุคลากรภายในองค์กรให้ออกมาเป็นแอพพลิเคชั่นที่สามาถใช้ได้ภายในองคืกร และตรงจุด

โดยใช้ฟีเจอร์ใหม่ ที่เรียกว่า AppSpace ซึ่งมีจุดเด่นที่จะช่วยพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้อย่างง่าย และรวดเร็ว มีระบบการจัดการและควบคุมกระบวนการการพัฒนาซอฟท์แวร์บนคลาวด์อัตโนมัติ ลดเวลาการบริหารจัดการซอฟท์แวร์ที่พัฒนาบนคลาวด์ลงกว่าเดิมถึง เท่า 

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้แก่อุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ กลุ่มธนาคาร การประกัน อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจค้าปลีก หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ

นอกจากนี้จะเป็นการขยายฐานลูกค้าเดิมจาก กลุ่มคอร์ปอเรท มายังกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง เอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ทอัพ โดยบริการดังกล่าวจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการพัฒนาองค์กรในยุคที่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเปลี่ยนแปลงองคืกรสู่โลกของดิจิทัล

เราเชื่อว่าการเปิดให้บริการดังกล่าวจะช่วยสร้างความสะดวกสบายในการดำเนินธุรกิจให้เปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ ได้อย่างรวดเร็ว และจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงบริการขององค์กรในแต่ล่ะอุตสาหกรรมในรูปแบบบต่าง ๆ ได้ มากขึ้น

Cloud

มั่นใจรายได้โตต่อเนื่อง เชื่อ ประกัน แบงค์ สดใส

สำหรับบริการ OneWeb ที่เริ่มเปิดให้บริการนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างรายได้ และสร้างการเติบโตให้แก่ อัฟวาแลนท์ ใน 3 กลุ่ม เป้าหมายของเรา มากถึง 200% ภายในส้นปี 2019 และในปี 2020 โดยมีปัจจัยจากดีมานด์การใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคธุรกิจ 

สำหรับฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯจะเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่มีสัดส่วนอยู่ที่ 80% ทั้งนี้จากการขยายฐานลูกค้า และการเปิดฟีเจอร์ใหม่คาดจะทำให้บริษัทฯ เติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากบริการที่มีทั้งหมด สำหรับธุรกิจที่คาดว่าจะมีการใช้บริการดังกล่าวมากที่สุด

ได้แก่ธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมทางด้านการเงินทางธนาคาร กลุ่มธุรกิจประกัน และกลุ่มโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการให้บริการที่มี เพิ่มความสะดวก และผู้แก่ใช้บริการสามารถใช้บริการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การแจ้งเคลม, การนัดแพทย์ เป็นต้น

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่