๊Uber

นับเป็นข่าวที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไร กับการแต่งตั้ง ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนใหม่ ของ Uber เพราะหลังจากที่ Travis Kalanick ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นอดีต CEO ของ อูเบอร์ ได้ลงจากตำแหน่ง ก็เชื่อว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อใดเท่านั้น

Uber

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้มากจากการที่เส้นทางของ อูเบอร์ ในการเข้ามาอยู่ในตลาดการขนส่ง นั้นเริ่มที่จะมีคูแข่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมาจากการที่สังคมได้ก้าวเข้าสู่เรื่องของ Sharing Economy หรือ Ride Sharing มากขึ้น นั่นเอง ทำให้อูเบอร์ต้องเร่งปรับกระบวนการดำเนินธุรกิจของตนเองให้ดีกว่าเดิม

Uber new Asia Pacific Business Executive

เดวิด ริชเทอร์ Global Head of Business & Corporate Development กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกหลักในกลุ่มผู้บริหารของ อูเบอร์ ในภูมิภาคนี้ บรู๊คส์ จะรับผิดชอบด้านพัฒนาธุรกิจรวมถึงพันธมิตรยานพาหนะไร้คนขับ ไปจนถึงการดูแลพัฒนาองค์กรและกิจกรรมการตลาดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โดยก่อนมาร่วมงานกับ อูเบอร์ บรู๊คส์เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารที่ The Everstone Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 3 ปี

ก่อนหน้านั้นเขาเป็นประธานบริษัท Goldman Sachs ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้นเขายังเคยทำงานให้กับองค์การสหประชาชาติ McKinsey และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ The Asia Foundation, The Aspen Institute, EmancipAction และ YoungLife

ด้าน มร. บรู๊คส์ เอนทวิสเซิล ว่าที่ ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนใหม่ กล่าวว่า ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่บรู๊คส์มาร่วมทีม อูเบอร์ เพื่อดูแลธุรกิจในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตและทำงานในเอเชียมามากกว่าสองทศวรรษ

ทำให้การรับตำแหน่งของเขาแสดงการตอกย้ำกับคำมั่นสัญญาของเราเพื่อกำหนดบทบาทใหม่ๆ ในภูมิภาคนี้ และเมื่อเราพบโอกาสใหม่ๆ ที่จะลงทุนและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเรา ร่วมกับพันธมิตรทางกลยุทธ์

Uber

อูเบอร์ เป็นองค์กรที่น่าตื่นเต้น ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมและตื่นตัวมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และผมดีใจมากๆ ที่ได้มาร่วมทีมกับ อูเบอร์

ทั้งนี้เพราะ อูเบอร์ ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามก้าวไปข้างหน้าเพื่อนำประโยชน์ของเทคโนโลยีการร่วมเดินทางมาสู่ผู้โดยสาร คนขับและเมืองต่างๆ  จากประสบการณ์การทำงานในเอเชียมายี่สิบปีทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธโอกาสในการขับเคลื่อนภูมิภาคนี้ไปในอีกยี่สิบปีข้างหน้า