Huawei

ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) เผยแนวโน้มเมื่อภาคอุตสาหกรรม ใช้ 5G ขับเคลื่อน และผลักดันให้เกิดกระบวนการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลเพื่อสร้างเติบโตให้ธุรกิจ…

highlight

  • ขณะนี้ หัวเว่ยมีสัญญา 5ฌ เชิงพาณิชย์แล้วกว่า 50 ฉบับ และได้นำส่งสถานีฐานไปแล้วกว่า 150,000 ชุด 
  • 5G กำลังนำเทคโนโลยี VR, AR และบริการวิดีโอแบบ Ultra-HD ต่าง ๆ ไปสู่ Mobile Video รุ่น 3.0

Huawei เผยอุตสาหกรรม + 5G ขับเคลื่อนการเติบโต

มร. ไรอัน ติง กรรมการบริหารและประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ของหัวเว่ย กล่าวในงาน MWC Shanghai 2019 หัวเว่ยได้จัดงานเสวนา 5G is ON ขึ้น ภายใต้ธีม “อัพเกรดดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G” (5G-driven Digital Upgrades) ว่า ขณะนี้ หัวเว่ยมีสัญญา 5ฌ เชิงพาณิชย์แล้วกว่า 50 ฉบับ

และได้นำส่งสถานีฐานไปแล้วกว่า 150,000 ชุด โดยทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอย่างมากกับการนำ 5มาใช้ในเชิงพาณิชย์  ตั้งแต่ครึ่งปีแรก มีหลาย ๆ ประเทศ ทั้งเกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และคูเวต ได้เปิดตัวเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์แล้ว โดย ซึ่งหัวเว่ยเป็นผู้สร้างเครือข่ายให้กับ 2 ใน 3 ของประเทศเหล่านี้  

ขณะที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ กำลังเริ่มนำ 5G เข้ามาใช้ และเทคโนโลยี 5G เองก็เริ่มมีบทบาทโดดเด่นในการผลักดันให้เกิดกระบวนการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลอย่างครอบคลุม และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหลาย ๆ อุตสาหกรรม   โซลูชั่นแบบแยกส่วนและแบบครบชุดของหัวเว่ยจะส่งเสริมให้โอเปอเรเตอร์มีจุดยืนที่แตกต่าง

ในการสร้างเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคุลมการใช้งานและประหยัดพื้นที่การติดตั้ง ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

Huawei

5จี เร่งการพลิกโฉมสู่ดิจิทัล ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจรูปแบบใหม่

เครือข่าย 5G กำลังนำเทคโนโลยี VR, AR และบริการวิดีโอแบบ Ultra-HD ต่าง ๆ ไปสู่ Mobile Video รุ่น 3.0 และประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยมนี้จะกระตุ้นผู้ใช้ให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมของพวกเขา  หลังจากที่มีการเปิดใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ในประเทศเกาหลีใต้ได้ 2 เดือน

พบว่าจำนวนผู้ใช้ 5G ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านคน โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้งานต่อวันอยู่ที่ 1.3 กิกะไบท์ต่อคน โดยรายได้เฉลี่ยของผู้ใช้หนึ่งคน (Average Revenue Per User: ARPU) ในเครือข่าย 5G สูงกว่า 4G ประมาณ 75% แต่หากเทียบราคาต่อ 1 กิกะไบต์จะต่ำกว่า 4G ถึง 90% เท่ากับว่าผู้ใช้งาน และผู้ให้บริการเครือข่าย

ต่างได้รับประโยชน์ทั้งคู่ นอกจากนี้ เทคโนโลยี 5G ยังรองรับอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่สูงเป็นพิเศษ และเป็นตัวแปรสำคัญในการพลิกโฉมสู่การสร้างบริการที่มีความละเอียดสูง รวดเร็ว และมีความคุ้มค่าให้ครอบคลุมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมนั้น การถ่ายทอดสดทางทีวีนั้น

จะต้องใช้รถติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายทอดสดที่มีมูลค่าอย่างน้อยราว 80 ล้านหยวน (หรือกว่า 350 ล้านบาท) หลายคัน รวมถึงเจ้าหน้าที่หน้างานอีก 150 คนเพื่อบันทึก ตัดต่อ ส่งสัญญาณภาพและออกอากาศ โดยยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูงจากการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม

แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปด้วยการออกอากาศผ่านระบบคลาวด์ ซึ่งมีราคาแพคเกจต่ำกว่า 10,000 หยวน (ประมาณ 44,604 บาท) ประกอบด้วยอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ 5G CPE และเจ้าหน้าที่ 5 คน ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับการออกอากาศ

Huawei

โดยจะมีการส่งวิดีโอแบบเรียลไทม์กลับไปที่สถานีโทรทัศน์ผ่านเครือข่าย 5G การออกอากาศจึงสามารถทำได้ทุกที่และทุกเวลา นอกจากนี้  ในกระบวนการนี้ยังสามารถสร้างประสบการณ์รับชมระดับพรีเมี่ยม และการโต้ตอบกับจุดออกอากาศอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย 

ด้านการดูแลความสงบเรียบร้อยนั้น โดรน 5G สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ขัดต่อข้อจำกัดด้านการเข้าถึงพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไป แล้วถ่ายวิดีโอความชัดระดับ 4K HD ส่งกลับไปที่ศูนย์ควบคุมในทันที เพื่อดำเนินการเฝ้าระวัง และสั่งการจากส่วนกลาง เพื่อให้มั่นใจว่ารายละเอียดทุกอย่างได้บันทึกไว้อย่างครบถ้วน

ครอบคลุมการใช้งาน และประหยัดพื้นที่ติดตั้ง

ปัจจุบันเชื่อมต่อ 5G ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การขนส่งอัจฉริยะ การตรวจตราอัจฉริยะ บริการสุขภาพอัจฉริยะ ความบันเทิงอัจฉริยะ และท่าเรืออัจฉริยะ หัวเว่ยมีโซลูชั่นทั้งแบบแยกส่วนและแบบครบชุด รวมถึง Massive MIMO, Blade Site และ BookRRU 

เพื่อช่วยผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกสร้างเครือข่าย 5G ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมการใช้งาน และประหยัดพื้นที่ติดตั้ง ซึ่งอัตราการใช้พลังงานจะอยู่ในระดับต่ำมาก ในขณะที่ศักยภาพการใช้พลังงานต่อบิตจะสูงขึ้นถึง 25 เท่า โซลูชั่นของหัวเว่ยยังรองรับสถาปัตยกรรมทั้งแบบ Non Standalone และ Standalone (NSA/SA) 

Huawei

และเอื้อให้เทอร์มินัลทุกประเภทสามารถเข้าถึงคลื่นวิทยุได้  เมื่อเทียบกับชุดอุปกรณ์วิทยุสื่อสารระยะไกล (RRU) ที่เชื่อมต่อกับเสาอากาศรุ่นเดิ เสาสัญญาณ AAU มีขนาดเล็กกว่า 55% และเบากว่า 23% ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่

เพื่อให้มีสัญญาณครอบคลุมทั่วตอบสนองการใช้งานฮอตสปอตของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น และเติมเต็มความต้องการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าเทคโนโลยี 5G จะสามารถแซงหน้าเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายรุ่นก่อนได้อย่างรวดเร็ว และจะแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในปี 2562 

โดยขณะนี้หัวเว่ยกำลังร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายและพันธมิตรต่างๆ เพื่อขยายขอบเขตการใช้งานเทคโนโลยี 5G ไปสู่อุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างการเติบโตทางธุรกิจรูปแบบใหม่ให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่