ผลวิจัย TNS ชี้ Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันดับต้นๆ ของประเทศไทยที่เป็นช่องทางในการซื้อขายสินค้าออนไลน์มากที่สุด ด้านFacebook รุกเพิ่มเครื่องมือใหม่ดันโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์ Retargeting Tools, VDO Ad และ Custom Audience เจาะกลุ่ม SMB ไทยหวังกระตุ้นยอดขายอีคอมเมิร์ซ

ดร.อาภาภัทร บุญรอด กรรมการผู้จัดการ TNS ประเทศไทย ผู้ดำเนินการจัดทำผลวิจัยเกี่ยวกับ “เส้นทางของการซื้อสินค้าทาง อีคอมเมิร์ซ” (The eCommerce Path to Purchase Journey) กล่าวว่า จากการวิจัยดังกล่าวพบว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซ แซงหน้าช่องทางอื่นๆ ที่ผู้บริโภคใช้ในการเข้าถึงข้อมูล เช่น เครื่องมือค้นหาข้อมูลและการบอกต่อแบบปากต่อปาก โดย Facebook ได้รับการจัดอันดับเป็นช่องทางอันดับหนึ่งของการซื้อสินค้าบนมือถือ (ในทุกๆ ขั้นตอนของการซื้อสินค้า เริ่มจากการค้นพบ การค้นคว้าข้อมูลเพื่อพิจารณา การตัดสินใจ จนกระทั่งการซื้อสินค้า)

Survey_1

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าโฆษณาเป็นตัวสำคัญในการซื้อสินค้า โดยเฟซบุ๊กทำให้เกิดการชอปปิงออนไลน์จาก 4 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ สินค้าแฟชั่นและความสวยความงาม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยวและสินค้าตกแต่งบ้าน ผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซชาวไทยส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ มากกว่า 70% ของผู้ใช้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า โดยเริ่มตั้งแต่การค้นหาไปจนถึงเข้าเยี่ยมชมข้อมูลของร้าน Facebook เป็นโซเซียลเน็ตเวิร์กเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซ โดยมีถึง 92% ใช้งานทุกวัน และเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการซื้อของออนไลน์ผ่านมือถือ” ดร.อาภาภัทร์ กล่าว

Survey_2

แนวโน้มชอปปิงผ่านมือถือมาแรง
นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ และมีการค้นคว้าข้อมูลสินค้าขณะอยู่ในร้านค้าด้วยเช่นกัน โดยสมาร์ตโฟนเป็นตัวเลือกที่นิยมสูงสุดสำหรับใช้ในการค้นหาสินค้าและค้นคว้าข้อมูล ไปจนถึงการชำระเงินซื้อสินค้า มีผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นที่ใช้ Facebook เพื่อค้นหาและค้นคว้าข้อมูลสินค้าและบริการ โดย Facebook เป็นช่องทางการชอปปิงผ่านมือถือที่ได้รับความนิยมที่สุด

ทั้งนี้ Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายที่สุดจากผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซ โดย 92 เปอร์เซ็นต์ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจใช้งานในทุกๆ วัน โดยมีโฆษณาเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกิจกรรมแบบออฟไลน์ และโฆษณาบน Facebook เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการซื้อสินค้าทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ และกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจค้นคว้าข้อมูลออนไลน์ก่อนการซื้อสินค้าหนึ่งชิ้น โฆษณาบน Facebook เพจของแบรนด์ หรือความคิดเห็นเชิงบวกและแชร์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยตัดสินใจจองการท่องเที่ยว โดยเป็นเหตุผลสูงสุดของการตัดสินใจใน 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ

Survey_3

รฐิยา อิสระชัยกุล หัวหน้าทีม SMEs ประเทศไทยแห่ง Facebook กล่าวเสริมว่า การใช้งาน Facebook ยังคงมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกมีถึง 1.44 พันล้านคนต่อเดือน มียอดการใช้งานผ่านมือถือราว 1.25 พันล้านคน ขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้งาน 30 ล้านคนต่อเดือน มีการใช้งานต่อวัน 21 ล้านคนต่อวัน และมีผู้ใช้งานผ่านมือถือ 28 ล้านคนต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีจำนวนผู้ใช้งานสร้างเพจธุรกิจขึ้นมากว่า 40 ล้านเพจ เป็นกลุ่มธุรกิจกว่า 2 ล้านธุรกิจ ทั้งนี้วิดีโอบนเฟซบุ๊กยังได้รับความนิยมและเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันมียอดการรับชมวิดีโอผ่านเฟซบุ๊ซกว่า 4 พันล้านวิวต่อวัน

Survey_4

เพิ่มเครื่องมือดึคนซื้อออนไลน์
แอร์โรว์ กัว หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ SMEs กลุ่มประเทศเกรทเทอร์ ไชน่าและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง Facebook กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงโอกาสมหาศาลที่ธุรกิจสามารถใช้ Facebook ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจและยอดขาย การตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคชาวไทยได้รับอิทธิพลอย่างสูง จากสิ่งที่พวกเขาพบเห็นใน Facebook จึงได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยผลักดันยอดขายในรูปแบบวิดีโอ (VDO Ad) รวมถึงเครื่องมืออื่นๆ เช่น Product Ads ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงสินค้าที่หลากหลายให้ลูกค้าสามารถค้นหาบนหน้าข้อมูล (Newsfeed) และเครื่องมือ รีทาร์เกตติ้ง ทูลส์ (Retargeting Tools) เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์และสร้างยอดขายออนไลน์ เฟสบุ๊ซมองเห็นว่ามีจำนวน SME ในประเทศไทยจะใช้ Facebook เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจมากขึ้น และยังเป็นโอกาสทางการตลาดของเฟสบุ๊กด้วยเช่นกัน