ครั้งต่อไปที่เรากระโดดขึ้นเรือ อาจจะไม่มีมนุษย์ที่คุมหางเสือบนสะพานเรืออีกต่อไป เพราะเรือทั่วโลกกำลังเริ่มใช้ประโยชน์จาก AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ในหารควบคุมเรือ

ปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้น รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตของมนุษย์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ในปีที่ผ่านมา บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งใช้คำพูดที่ดูสวยหรูเพื่อทักทอความคิดในเชิงที่ว่า  “AI จะไม่ได้เข้ามาแย่งงานมนุษย์ แต่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น….

แต่ภาพที่เราเหมือนจะเห็นในปัจจุบัน หลายอุตสาหกรรมเริ่มใช้หุ่นยนต์ เริ่มใช้สมองกลอัจฉริยะในการดูและธุรกิจของตัวเองมากขึ้น เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่า มีงานวิจัยว่าในปี 2020 จะมีหลายอาชีพถูกลดทอนลงเพื่อนำหุ่นยนต์และสมองกลเข้ามาทำงาน โดยหนึ่งในนั้นก็คือพนักงงานขับรถ

แต่ที่ ELEADER กำลังจะนำเสนอนี้ไม่ใช่พนักงงานขับรถ (มันเก่าละ) แต่จะพูดถึงบริษัทหนึ่งอเมริกาที่ชื่อว่า Shone ที่กำลังพัฒนาสมอกลอัจฉริยะเพื่อมากุมพังงาเรือแทนมนุษย์

โดย Shone เป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังมองหาการสร้างเรือขนส่งในรูปแบบใหม่ที่มีการรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์เรือ เรดาห์ กล้องถ่ายรูปบรอบตัวเรือ และใช้ชิปประมวลขั้นสูงพร้อมแพลทฟอร์ม Deep Learning ในการวิเคราะห์และสร้างภาพและรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเรือหากมีการสั่งงานที่มีความเสี่ยง พร้อมยังสามารถนำทางเรือไปในทิศทางที่ปลอดภัยได้

การสร้างเรือในรูปแบบนี้จะช่วยลดต้นทุนของสินค้าอุปโภคบริโภคและสร้างความปลอดภัยมากขึ้นเมื่อนำมาใช้งานในเชิงพาณิชย์ (ลูกเรือน้อยลง ต้นทุนก็น้อยลง)  และยังสามารถนำมาใช้ในเรือข้ามฟากผู้โดยสาร เรือสำราญ หรือเรือลากจูงที่เดินทางในเส้นทางระยะสั้น

โดย Shone กำลังทำให้ธุรกิจการเดินเรือบรรทุกสินค้าที่มีอยู่เดิมนั้นมีความฉลาดขึ้นเพื่อทำให้เรือนั้นฉลาดขึ้น โดยเรือขนาดใหญ่จะมีระบบเซ็นเซอร์ที่ผ่านการทดสอบการใช้งานทางทะเลแล้ว ซึ่งสามารถใช้งานคู่กับ เรดาร์, GPS และระบบระบุแหน่งอัตโนมัติจากดาวเทียม พร้อมกับใช้ปัญญาประดิษฐ์หลอมรวมข้อมูลของเซ็นเซอร์ทุกตัวลงในระบบตรวจจับวัตถุพร้อมกับแสดงภาพรวมของสภาพแวดล้อมของเรือให้กับลูกเรือผ่าน Ipad
และไม่กี่เดือนต่อจากนี้  Ugo Vollmer ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Shone  มีแผนที่นำหลักสูตร “แนงทางการปฏิบัติสำหรับผู้บังคับเรือตั้งแต่การหลบหลีกสิ่งกีดขวางไปจนถึงการปรับเส้นทางให้เหมาะสม” มาใช้สอนสมองกลของเรือ เพื่อมันเรียนรู้หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นเพื่อพร้อมจะบังคับเรือแทนมนุษย์เป็นการชั่วคราวได้
ในอนาคตอันใกล้นี้ เรือบรรทุกสินค้ามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเรือแบบ Autonomous ship แต่อาจจะใช้ในมหาสมุทรเปิดเท่านั้น (Open Ocean)  ซึ่งการเข้าและออกจากท่าเรือเรือจะถูกควบคุมจากระยะไกลโดยกัปตันที่อยู่บนบกโดยอิงข้อมูลจากวิดีโอและข้อมูลเซ็นเซอร์อื่นผ่านการสตรีมมิ่งผ่านเครือข่าย 4G และ 5G และเมื่ออยู่ในทะเลแบบเปิดหรือน่านน้ำที่ลึกเพียงพอ เรือจะเปลี่ยนไปใช้โหมดขับเคลื่อนอิสระซึ่งไม่ต้องการการควมคุมที่ซับซ้อนมากนักและจะมีกัปตันเรือยืนอยู่ที่ฝั่งเพื่อรับช่วงเวลาที่เรือต้องการการบังคับ
บทสรุปของบทความนี้คือ เป็นความเพียงส่วนเดียวที่ว่า AI ไม่ได้จะแย่งงานมนุษย์ เพราะถ้าหากยกเคสเรื่อง Autonomous Ship แล้ว เมื่อมีระบบอัจฉริยะเข้ามา ส่วนต่างของแรงงานมนุษย์ย่อมลดลงเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยจะไม่มีมนุษย์ตกงานเพราะระบบ Automation หรือ AI