ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่เราเห็นในภาพยนต์บ่อยๆ อย่างเรื่อง “คนเหล็ก” นั้นดูเป็นอนาคตที่ไกลตัว แต่วันนี้เทคโนโลยีเหล่านั้นกำลังแทรกซึมเข้ามาชีวิตประจำวันเราอย่างเงียบ ๆ  และได้ถูกนำไปใช้ในการทำงานต่าง ๆ แทนที่มนุษย์เรียบร้อย เหตุผลเพื่อลดจำนวนต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ณ จุดนี้ ทีมงาน ELEADER ได้รวบรวม 9 อาชีพ มาแรง ที่ AI  ฝันอยากจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ พร้อมกับเคสตัวอย่าง ลองมาดูกันว่า คุณอยุ่ใน 8 อาชีพนี้หรือเปล่า  พร้อมกันนี้ สามารถอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ AI อื่นได้ >> คลิ๊ก

AI

1.ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และทนายความ 

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Do not Pay เป็นปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่มีชื่อว่า Joshua Browder  โดยมีแรวบรรดาลใจจากที่เขาถูกเรียกค่าปรับอย่างไม่เป็นธรรม  เขาจึงพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมาช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับเขา

โดยให้ผู้ประสบปัญหามากรอกแบบสอบถาม แล้วให้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ว่า คน ๆ นั้นทำผิดกฎหมายอย่างไร ซึ่งหากปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์แล้วว่าคน ๆ นั้นไม่ผิด มันจะร่างจดหมายโต้แย้งให้กับลูกความของมันโดยอัตโนมัติ  

และปัญญาประดิษฐ์ตัวดังกล่าว ยังเปิดให้ทดลองใช้ฟรี 21 เดือน และพบว่า Donotpay  มีเคสมากว่า 250,000 เคส และสามารถชนะคดีได้มากกว่า 160,000 คดีเลยทีเดียว

AI

2.นักข่าว

ปัจจุบันสำนักข่าวใหญ่ๆ อย่าง  New York Times, Washington Post, CNN, NBC ได้ใช้ AI มานำเสนอข่าวแล้วทั้งสิ้นตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Washington Post ได้มีการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์แบบ Hybrid ที่มีชื่อว่า Heliograf ซึ่งได้ทำการติดตามการเลือกตั้งในเขตต่างๆ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา

และนำข่าวสารมานำเสนออย่างต่อเนื่องแบบ Real-time พร้อมเปิดให้นักข่าวที่เป็นคนจริงๆ ได้เข้ามาทำการตกแต่งเนื้อหาเพื่อให้มีความน่าอ่านมากยิ่งขึ้น

AI

3.ที่ปรึกษาด้าน Cyber security และหาช่องโหว่ในหน่วยงาน

นับว่าเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์หลายปีกว่าจะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญได้ ในวันนี้  IBM Watson ถูกนำมาเพื่อช่วยวิเคราะห์และระบุความเสี่ยงจากภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์บนระบบเครือข่าย และช่วยลดช่องว่างความแตกต่างของสกิลด้านความปลอดภัยของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

หลักการทำงาน คือการจำลองกระบวนความคิดของมนุษย์ในรูปของโมเดลคอมพิวเตอร์ที่สามารถแปลงข้อมูลเป็นตัวเลขแล้วคำนวณออกมาได้ โดยเรียนรู้สิ่งต่างๆจากการทำ Data Mining, Pattern Recognition และ Natural Language Processing เพื่อเลียนแบบกระบวนการทำงานของสมองมนุษย์

AI

4.บุคลากรทางการแพทย์

ถ้าจะบอกว่าจะเอาปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่หมอก็คงจะดูหลุดโลกไปหน่อย แต่ปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ของ IBM Watson ได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโรคมะเร็งในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์แล้ว  โดยช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดย IBM Watson จะอ้างอิงจากข้อมูลประวัติผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงหลักฐานทางการแพทย์ เอกสารทางวิชาการ และข้อมูลจาก Memorial Sloan-Kettering (MSK) ศูนย์รักษามะเร็งชั้นนำของโลก มาวิเคราะห์ ประมวลผล และสรุปออกมาเป็นทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย 

และในต่างประเทศ ก็กำลังนำเอา WatSonไปพัฒนาเป็นหุ่นยนต์สำหรับดูแลผู้ป่วยอีก ซึ่งบอกได้เลยว่า ในอนาคต บุคลากรทางการแพทย์หลายๆ แห่ง อาจจะเริ่มลดน้อยลงเป็นแน่

AI

5.พนักงาน Call Center

ในทีนี้รวมอยู่ในธุรกิจหลาย ๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร โรงพยาบาล ธุรกิจประกัน และอีกหลายๆ ธุรกิจที่จำเป็นต้องฝ่าย Custermer Service ไว้ตอบคำถามจุกจิกกับลูกค้า ซึ่งปัญญาประดิษฐ์สามารถทำได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับลูกค้า ให้คำแนะนำในสิ่งที่ดีที่สุด

ตอบคำถามฉับไว เก็บข้อมูลลูกค้ามาวิแคราะห์เพื่อเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจุดสำคัญอีกอย่างคือ ขยันมาก ทำงานได้ 24 ชั่วโมง นี่เป็นเหตุผลว่า ในอนาคต องค์กรใหญ่จะนำปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่คนอย่างแน่นอน

เคสตัวอย่างคือ สายการบิน KLM ได้นำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาสร้างบทบาทในการตลาดดิจิตัลมากขึ้น ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค โดยแทรกซึมตัวเองเข้าไปในช่วงการตัดสินใจขั้นต่างๆ ของผู้บริโภค เพื่อหวังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวกับผู้บริโภค

AI

6.คนขับรถ

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งกำลังพัฒนาอยู่ รวมทั้ง อูเบอร์ (Uber) และลิฟต์ (Lyft) สองผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ในสหรัฐอเมริกาออกมาเปิดเผยว่า กำลังพัฒนารถอัตโนมัติออกมาใช้งาน โดยตอนนี้อยู่ขั้นทดสอบแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามีคนขับแท๊กซี่ออกมาประท้วงมากมาย

ข้อดีหลักๆของรถยนต์อัตโนมัติคือมีความปลอดภัยกว่าคนขับปกติ เพราะปัญญาประดิษฐ์ที่ควบคุมรถไม่มีข้อจำกัดเหมือนมนุษย์ ไม่เหนื่อย ไม่หลับใน ไม่ขับรถด้วยอารมณ์ และไม่ฝ่าฝืนกฏจราจร อีกทั้งยังสามารถคำนวณการเฉี่ยวชนล่วงหน้าและหลบหลีกได้ทันท่วงที

จึงไม่แปลกที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่คนขับรถทุกประเภท ตั้งแต่โชเฟอร์แท็กซี่, คนขับรถส่งของ, คนขับรถบรรทุก ไปจนถึงคนขับรถเมล์

AI

 7.นักแปลภาษา

แน่นอนว่าอาชีพนี้จะโดนปัญญาประดิษฐ์ Disruption อย่างแน่นอน เพราะปัจจุบัน ตัวปัญญาประดิษฐ์ ของ Google ที่เรียกว่า Google Briain  สามารถสร้างภาษากลางขึ้นมาได้ โดยเรียกว่า Google Neural Machine Translation โดยปัญญาประดิษฐ์นี้จะแปลงจากอีกภาษาหนึ่ง มาเป็นภาษากลาง พร้อมกับแปลงไปเป็นอีกภาษาหนึ่งที่ผู้ใช้งานต้องการได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งในปัจจุบัน GNMT นี้ถูกนำมาใช้ในระบบ Google Translate อย่างเต็มตัวแล้ว และรองรับการแปลข้ามภาษาแบบอิสระได้ถึง 10 คู่ภาษาจากทั้งหมด 16 คู่ภาษาที่มีในเวลานี้ ถัดจากนี้ไปทีมงาน Google ก็จะคอยปรับปรุงให้ Google Translate มีคุณภาพมากขึ้น และปรับปรุงสถาปัตยกรรมระบบให้ซับซ้อนน้อยลงด้วย  

AI

8.ครู

ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์เช่น McGraw-Hill Connect และ Aplia ที่ช่วยบรรดาคุณครูบริหารจัดการการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนได้นับร้อยนับพันคนในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็มีการใช้หุ่นยนต์สอนนักเรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้วด้วย

นอกจากนี้ IBM Watson ยังเป็นครูที่ปรึกษาให้แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดในการตอบคำถามต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน โดยที่นักเรียนเหล่านั้นไม่รู้ตัวแม้แต่นิดเดียว 

AI

9.บริการรับส่งสิ่งของ

ปัจจุบันการใช้หุ่นยต์เพื่อบริการรับส่งของกำลังเห็นบ่อยขึ้นในโรงแรม เช่น โรงแรม Aloft มีการทดลองนำหุ่นยนต์ชื่อ Botlr มาให้บริการจัดส่งผ้าขนหนูและของใช้ในห้องน้ำไปให้ลูกค้าถึงหน้าห้อง และที่สำคัญ หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ต้องการทิปแต่อย่างใด ซึ่งในอนาคตเป็นไปได้ว่าจะมีการพัฒนาหุ่นยนต์เหล่านี้ไปใช้ในอุตสาหกรรมส่งของที่ใหญ่ขึ้น 

จะเห็นได้ว่า ชื่ออาชีพที่หลาย ๆ คนคิดว่ายังปลอดภัยนั้น เริ่มถูกบรรจุเข้าไปในฐานข้อมูลของอาชีพที่มีแนวโน้มว่าจะถูก AI เข้ามาแทนที่มากขึ้นทุกที แม้กระทั่งงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงอย่างพนักงานตรวจสอบช่องโหว่ หรือแม้แต่ที่ปรึกษาทางการแพยท์

ดังนั้น การเตรียมทักษะของตัวเองให้อยู่รอดในโลกแห่งการทำงานในยุคปัญญาประดิษฐ์ครองเมือง จึงควรเริ่มต้นเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยการมองหาทักษะ หรือ อาชีพใหม่ๆ ที่ทำให้เราโดดเด่นเหนือปัญญาประดิษฐ์หรือสามารถอยู่ในบทบาทที่ได้รับสิทธิในการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ได้ ไม่ใช่รอจนวันนั้นมาถึงแล้วถูกมันควบคุมแทนเสียเอง

เพราะฉะนั้น ที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะทำให้หลาย ๆ คนกลัวว่าไอเจ้าเทคโนโลนีตัวนี้จะเข้ามาแทนอาชีพของคุณ แต่ถ้าลองมองย้อนในอดีต ก็มีหลายอาชีพที่ถูกเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงและทำให้อาชีพนั้นๆ หายไป แต่ก็ทำให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น อย่างกลัวว่าปัญญาประดิษฐ์ 

ส่วนขยาย 

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่ได้มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : พิพัฒน์ เพิ่มผัน (Editors and Reporters)
*** ขอบคุณภาพจาก : Bankrate.com, www.pexels.com, launchacademytulsa.com

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่