พาโชค พิมเลขา เจ้าของบริษัท โชค อินเตอร์เทค จำกัด ผู้พัฒนา 3D Printer เล็งเห็นว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า 3D Printer หรือเครื่องพิมพ์ 3 มิติเกิดขึ้นมา ทั้งที่จริงเทคโนโลยีดังกล่าวเกิดขึ้นมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว หากแต่สิทธิบัตรแรกนั้นเพิ่งจะหมดอายุไป ในยุคนี้จึงทำให้ 3D Printer เกิดขึ้นมาในรูปแบบเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังเกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ พาโชค สนใจที่จะสร้างนวัตกรรม 3D Printer ของตนเองขึ้นมา

Innovation_318_pic4
“สิ่งที่เราได้มาจากโครงการนี้ก็คือจะสร้างมันให้เกิดเป็นธุรกิจอย่างไร หลังจากเข้าโครงการนี้แล้วผมก็ได้ผลิตภัณฑ์ของผมออกมาเป็นสินค้าตัวแรกที่เป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติเชิงพาณิชย์ตัวแรกของคนไทยตัวนี้ออกมา ทำให้เราคิดถึงว่าจะออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างไรให้เหมาะกับการผลิตเชิงพาณิชย์ให้เหมาะกับนำเสนอสู่ตลาด และมีการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ซึ่ง ณ ตอนนี้เครื่องพิมพ์รุ่น A4 ของเรานั้นถือว่าเป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่เล็กที่สุดในตลาดเมืองไทย ชื่อ InnoPrinter”

“จุดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์ของเราก็คือเทคนิคในตัวกลไกภายในของเรา ยกตัวอย่างเครื่องรุ่น A4 ที่เป็นรุ่นเล็กของเราสามารถสั่งพิมพ์แล้วยกเครื่องไปไหนก็ได้ จะไม่มีการหยุดทำงาน ซึ่งยังไม่มีเครื่องใดในโลกทำได้ จุดนี้ทำให้หน่วยงานทหารในบ้านเราก็อยากนำเอาสินค้าของเราไปใช้ซึ่งเราได้นำไปเสนอแล้ว หรือจะเป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ซึ่งทุกวันนี้มีการนำไปใช้กับการเรียนการสอนแล้ว”

เทคโนโลยีนี้ใช้เวลาพัฒนาก่อนเข้าโครงการเถ้าแก่น้อย 2 ปี 6 เดือน และใช้เวลาอีก 6 เดือนในการพัฒนาในช่วงที่เข้าโครงการเถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี โดยพัฒนาตามเทคโนโลยีที่สิทธิบัตรกำลังจะหมดอายุลง

Innovation_318_pic5

สำหรับราคา InnoPrinter เริ่มต้นที่ 29,000 บาท ในรุ่นเล็กสุดคือ A4 ส่วน InnoPrinter รุ่น Pro แบบตั้งโต๊ะอยู่ที่ 38,000 บาท ส่วน InnoPrinter รุ่น Mega รุ่นใหญ่สุดสำหรับการใช้งานอุตสาหกรรม ราคาราว 100,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบระดับของคุณภาพแบบเดียวกันกับ 3D Printer จากต่างประเทศจะถูกกว่าในสัดส่วนราว 1 ใน 3 เลยทีเดียว ในขณะที่นโยบายการให้บริการหลังการขายเป็นออนไซต์เซอร์วิส หรือบริการถึงที่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของนวัตกรรม 3D Printer ฝีมือคนไทย