โดย นายมาแฮทเดแวน นาทาราจัน ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจ Enterprise Performance Management ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น แอปพลิเคชั่น

CFO

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก และการไม่สามารถคาดการณ์ได้ซึ่งเป็นผลพวงจากเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้พวกเขามีความคล่องตัวมากกว่า

ทั้งนี้ผู้บริหาร 83 เปอร์เซ็นต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเห็นว่าดิจิทัลสตาร์ทอัพเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจ ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงพยายามหาแนวทางนำธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้ในช่วงเวลาแห่งความผันผวนนี้ ที่น่าแปลกใจคือองค์กรเริ่มหันหาคำแนะนำจากผู้บริหารด้านการเงิน (CFO) หรือ ซีเอฟโอ ซึ่งเป็นคนที่พวกเขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน ทำให้บทบาทของซีเอฟโอทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่เคยมีมาก่อน

นอกจากความรับผิดชอบด้านงบประมาณและรายงานทางการเงินต่างๆ แล้ว องค์กรยังต้องการให้ซีเอฟโอเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ

CFO ยุคใหม่ บริหารงานโดยเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก

ซีเอฟโอจะต้องปรับตัวเพื่อทำหน้าที่อีกหลายประการ เช่น ทำให้องค์กรมั่นใจว่าจะมีการบูรณาการสถานะการเงิน การทำงานในหน้าที่ต่างๆ และการดำเนินธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงให้ผู้ถือหุ้นเห็นมูลค่าและผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เกิดขึ้นแล้วและกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซีเอฟโอรุ่นใหม่คือคนที่อยู่ในกลุ่มมิลเลนเนียลในวันนี้ ซึ่งมีความกล้าที่จะใช้วิธีการของตน และหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้า คนกลุ่มมิลเลนเนียลมีความเชื่อในการใช้เทคโนโลยีซึ่งเป็นหนึ่งในทัศนคติที่สำคัญในอนาคตที่จะมีปริมาณข้อมูลไหลเข้าสู่องค์กรอย่างท่วมท้น ทำให้ ซีเอฟโอต้องพึ่งพาแอปพลิเคชั่นที่เป็นปัญญาประดิษฐ์และแอปพลิเคชั่นที่สามารถปรับตัวเองได้อย่างชาญฉลาด

นอกจากนี้ ‘ทัศนคติ’ ของคนรุ่นใหม่จะเป็นตัวกำหนดลักษณะของซีเอฟโอในอนาคต คนกลุ่มมิลเลนเนียลกำลังแหวกแนวการทำงานแบบเดิมๆ พวกเขาต้องการที่จะเป็น ‘ผู้รอบรู้เชี่ยวชาญทุกด้าน: Jacks of all trades’ มากกว่าที่จะมีความเชี่ยวชาญเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ต้องการเข้าใจองค์กรทุกแง่มุมมากขึ้น มองว่าบทบาทหน้าที่ของตนจะเกี่ยวข้องกับคนอื่นและจะมีวิธีการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อย่างไร

Intelligence Group ได้จัดสำรวจและพบว่าคนกลุ่มมิลเลนเนียลจำนวนสี่ในห้าคนต้องการวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน มากกว่าแบบที่ต้องแข่งขันกัน[3] และนั่นป็นความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรมของซีเอฟโอซึ่งมีบทบาทหน้าที่ที่จำเป็นต้องมองเห็นภาพใหญ่ขององค์กร เพิ่มความร่วมมือและการทำงานร่วมกันให้กับทุกภาคส่วนของธุรกิจได้มากขึ้น

ซีเอฟโอที่ทันเกมจะนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จำนวนมากมาใช้เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ขององค์กรเข้าด้วยกัน นอกจากข้อมูลภายในที่ควบคุมด้วยระบบวางแผนการใช้ทรัพยากรขององค์กร (ERP) ระบบบริหารจัดการประสิทธิภาพในการทำงาน (EPM) และแอปพลิเคชั่นอื่นๆ แล้ว

พวกเขาจะใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) เพื่อช่วยให้เข้าใจธุรกิจมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น เครื่องตรวจสภาพอากาศจะแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าอาจมีพายุที่จะเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้า หรือ ข้อมูลจาก Fitbit จะช่วยให้รู้ว่าพนักงานอยู่ในความกดดันมากน้อยเท่าใด และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิในโรงงานจะช่วยให้รู้ว่าโรงงานอยู่ในสถานะไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีความร้อนสูงเกินไปหรือไม่

แม้ว่าการที่ดิจิทัลเข้ามาพลิกโฉมทุกสิ่งทุกอย่างและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจคือความท้าทายที่แท้จริงของซีเอฟโอและธุรกิจของพวกเขาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่ความสำเร็จมักไม่ได้มาหากมัวแต่ทำงานแบบปลอดภัยไว้ก่อนซีเอฟโอรุ่นใหม่ที่เป็นคนกลุ่มมิลเลนเนียล รวมถึงนักคิดรุ่นใหม่ๆ ทุกช่วงอายุที่เข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแท้จริง จะเป็นคนกลุ่มสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กร

CFO แห่งอนาคตจะลดความอุ้ยอ้ายขององค์กรเพื่อให้ธุรกิจมีความคล่องตัวและเป็นหนึ่งเดียวกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยการบูรณาการข้อมูลมหาศาลกับปัญญาประดิษฐ์และพลังของเทคโนโลยีคลาวด์ระดับองค์กร พวกเขาจะมีความสามารถในการทำงานเชิงรุกเพื่อบ่งชี้โอกาสทางการตลาดใหม่ๆ และดำเนินการให้องค์กรของตนได้ประโยชน์และเติบโตในตลาดเหล่านั้นทันที