ธุรกิจส่วนใหญ่มอง General Data Protection Regulation หรือ GDPR เป็นโอกาสในการปรับปรุงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความปลอดภัย ด้วยข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ และความรู้สึกของผู้บริโภคทำให้อุตสาหกรรมต้องหันมาทบทวนนโยบายข้อมูล โดยลดปริมาณข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บไว้ลง 80%

IBM ชี้ธุรกิจส่วนใหญ่มอง GDPR คือโอกาสในการปรับปรุงนโยบายข้อมูล

ผลการวิจัยล่าสุดของไอบีเอ็มชี้ให้เห็นว่าเกือบ 60% ขององค์กรที่สำรวจ มองข้อบังคับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (General Data Protection Regulation) เป็นโอกาสในการปรับปรุงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความปลอดภัย การจัดการข้อมูล หรือเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโมเดลธุรกิจแบบใหม่

มากกว่าที่จะเป็นเพียงประเด็นกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติหรือเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ โดยจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าบริษัทส่วนใหญ่หันมาเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับข้อมูลที่องค์กรจัดเก็บหรือบริหารจัดการมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ โดย 70% กำจัดข้อมูลก่อนที่จะถึงเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับดังกล่าว

การเตรียมพร้อมสำหรับ General Data Protection Regulation ของบริษัทต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากการที่กลุ่มผู้บริโภคเริ่มหันมาตรวจสอบการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของธุรกิจต่างๆ มากขึ้น โดยการสำรวจความคิดเห็นอีกชุดจากผู้บริโภค 10,000 คน

แฮร์ริส โพล ของไอบีเอ็ม ได้เปิดเผยว่า มีผู้บริโภคชาวอเมริกันเพียง 20% เท่านั้นที่เชื่ออย่างเต็มที่ว่าองค์กรต่างๆ ที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ด้วยจะรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาไว้ โดยช่วงสัปดาห์ก่อนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ที่ข้อบังคับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้

สถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจ (Institute for Business Value:IBV) ของไอบีเอ็ม ได้สำรวจผู้นำธุรกิจกว่า 1,500 คนที่รับผิดชอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ General Data Protection Regulation ขององค์กรต่างๆ ทั่วโลก

ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ มอง General Data Protection Regulation เป็นโอกาสในการเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าและช่วยผลักดันนวัตกรรม กล่าวคือ

84% เชื่อว่าหลักฐานที่พิสูจน์ว่าองค์กรปฏิบัติอย่างสอดคล้องกับ General Data Protection Regulation จะช่วยสร้างความแตกต่างในทางบวกในสายตาของผู้บริโภค
76% มองว่า General Data Protection Regulation จะสร้างความสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือขึ้นกับเจ้าของข้อมูล (data subjects) อันจะนำสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
แม้จะมองว่าเรื่องนี้เป็นโอกาส แต่มีองค์กรเพียง 36% เท่านั้นที่เชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับ General Data Protection Regulation ได้อย่างสมบูรณ์ภายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้

GDPR

General Data Protection Regulation จะเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลกระทบมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อโมเดลธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ และกระทบไปยังประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรปด้วย

GDPR
กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด

กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การเริ่มบังคับใช้ General Data Protection Regulation เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นอย่างมากต่อความสามารถของธุรกิจที่จะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา

ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดแรงผลักดันขนานใหญ่ให้องค์กรต้องทบทวนวิธีจัดการกับความรับผิดชอบต่อข้อมูล และเริ่มต้นฟื้นคืนความเชื่อมั่นซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสภาพเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน 

General Data Protection Regulation นำสู่การลดปริมาณการรวบรวม และจัดเก็บข้อมูล

สิ่งสำคัญอีกประการที่พบในการวิจัยครั้งนี้ คือการที่องค์กรต่างๆ ใช้ General Data Protection Regulation เป็นโอกาสในการปรับปรุงวิธีจัดการข้อมูลและลดปริมาณข้อมูลที่องค์กรต้องบริหารจัดการ

ซึ่งหมายถึงการลดปริมาณข้อมูลที่องค์กรรวบรวม จัดเก็บ และแบ่งปันลงอย่างมากในหลายๆ องค์กร โดยจากผลการศึกษาองค์กรต่างๆ รายงานว่าได้ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อปฏิบัติตาม General Data Protection Regulation

• 80% กล่าวว่าองค์กรกำลังลดปริมาณข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บ
• 78% กำลังลดจำนวนคนที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
• 70% กำลังกำจัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป

GDPR

ความท้าทายเกี่ยวกับ GDPR จุดบอด และโอกาสในการปฏิรูปทางธุรกิจ

นอกจากนี้ผลการศึกษาพบว่าปัญหาหลักๆ ที่องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญในปัจจุบัน เมื่อต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับ GDPR คือการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ภายในองค์กร (data discovery) การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่องค์กรรวบรวมและจัดเก็บ

รวมถึงการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์วิธีการวิเคราะห์และแบ่งปันข้อมูล (data processing principals) ส่วนเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นที่กังวล ได้แก่ การจัดการการเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามพรมแดน และการได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

โดยผู้ตอบแบบสำรวจน้อยกว่าครึ่งหนึ่งบอกว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับ General Data Protection Regulation ในด้านเหล่านี้แล้ว ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่งของ General Data Protection Regulation คือการกำหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องรายงานการละเมิดข้อมูลแก่ผู้กำกับดูแลภายใน 72 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม การศึกษาของ IBV พบว่ามีบริษัทเพียง 31% เท่านั้นที่ตรวจสอบหรือแก้ไขแผนรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (Incident Response Plan) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับข้อกำหนดนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นจุดบอดของวิธีรับมือกับ General Data Protection Regulation โดยรวมของบริษัทต่างๆ

แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่กลุ่มบริษัท ผู้นำ (22%) จะใช้ General Data Protection Regulation เป็นโอกาสในการปฏิรูปธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ในแง่แนวทางความรับผิดชอบต่อข้อมูลและการบริหารจัดการ กล่าวคือ

93% ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
79% บอกว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินการค้นหาข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
74% บอกว่าได้นำมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยและการออกแบบเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ

GDPR

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่