
Key Insight
- Digital ID เป็นการยืนยันตัวตนผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลแทนการพกบัตรประชาชน
- ข้อมูล Digital ID จะประกอบไปด้วย ชื่อ – นามสกุล เพศ วันเกิด เชื้อชาติ ที่อยู่ กรุ๊ปเลือด ข้อมูลลายนิ้วมือ รูปภาพ ข้อมูลม่านตา
- สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้หลายรูปแบบ ทั้งการทำธุรกรรมทางการเงิน การทำประกัน การขอรับบริการทางการแพทย์ การขอเอกสารของรัฐ ทำใบขับขี่แบบดิจิทัล ฯลฯ
National Digital ID เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ที่จะเชื่อมต่อการยืนยันตัวตนจากทุกภาคส่วนเข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยทำให้เกิดการทำธุรกรรมใหม่ ๆ ลดความล้าช้าในการดำเนินธุรกิจ ขจัดปัญหาปัญหาการปลอมแปลงเอกสารหรือการสวมสิทธิ์ต่าง ๆ
โดยปัญหาที่ผ่านมา การให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ หรือการให้บริการของภาคธุรกิจแก่ประชาชน ประกอบด้วยขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่มีความซ้ำซ้อน มีความสิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากร เกิดภาระต่อผู้แสดงตน(ประชาชน) และผู้มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันตัวตน(เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ) การพิสูจน์ตัวตนมักจะให้ผู้ทำธุรกรรมต้องไปแสดงตนต่อผู้ให้บริการ เช่น ธนาคารพาณิชย์ พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน จึงก่อให้เกิดความไม่สะดวกและเกิดภาระต่อผู้ใช้บริการ
ดังนั้น National Digital ID จึงสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์คือ การสร้าง Trancsaction ที่มีความปลอดภัยให้คนไทยสามารถทำธุรกิจกรรมในระบบออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ระบบเศรษฐกิจ ทั้งการลดการใช้งานกระดาษ การลดต้นทุนในการบริหารงานเพื่อยืนยันตัวบุคคล และเป็นการเร่งสร้าง Model ธุรกิจใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น
ในประเทศไทยนั้น พึ่งจะมีแนวคิดที่จะทำ Digital ID ได้ไม่นาน โดยเป็นความร่วมมือของกระทรวงการคลังกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่จะพัฒนาระบบพิสูจน์การยืนยันทางตัวตนทางดิจิทัล โดยจัดตั้งคณะทำงานในด้านต่าง ๆ ขึ้นมา โดยหนึ่งในหน่วยงานที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักก็คือ สำนักสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สพธอ. (ETDA) ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิ๊ก
ทั้งนี้ใน Digital ID จะมีรูปแบบคล้ายบัตรประชาชน แต่แตกต่างกันออกไปในเรื่องของการใข้งานในการยืนยันตัวบุคคลและข้อมูลที่เก็บอยู่ในนั้น โดยบัตรจะประกอบไปด้วยข้อมูล ชื่อ – นามสกุล เพศ วันเกิด เชื้อชาติ ที่อยู่ กรุ๊ปเลือด ข้อมูลลายนิ้วมือ รูปภาพ ข้อมูลม่านตา รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ หากมีความจำเป็น เช่นเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล โดยเมื่อประชาชนต้องขอรับบริการต่าง ๆ ก็ให้นำ ลายนิ้วมือ ม่านตา หรือรูปแบบการยืนยันตัวตนอื่น ๆ ที่ผู้ให้บริการรายนั้นขอ แสดงกับผู้ให้บริการเพื่อขอยืนยันการทำรายการ
ยกตัวอย่างเช่น นาย A จะไปถอนเงินกับแบงค์สีเขียว ซึ่งนาย A ได้สมัครบริการ Digital ID ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยนาย A แค่แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะทำการเบิกเงินจำนวนเท่าไหร่ จากนั้นสแกนลายนิ้วมือเพื่อยืนยันตัวตนก็เป็นอันจบ
คนไทยได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน
- การขอเอกสารทางราขการ โดยไม่ต้องใช้การถ่ายสำเนาทั้งทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน
- การทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะการยืนยันตัวตนทำได้ไว
- การเลือกตั้งบนระบบออนไลน์ โดยมี Digital ID เชื่อมโยงเข้าสู่ระบบ Blockchain
- การขอรับการรักษาได้รวดเร็วโดยไม่ต้องตรวจซักประวัติ (เพราะข้อมูลการรักษาก่อนหน้านี้จะเชื่อมโยงถึงทุกโรงพยาบาล)
- ใบขับขี่อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป (ถ้าแก้กฎหมายได้)
- การขอรับประโยชน์และการลดหย่อนทางภาษีทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ลดการปลอมแปลงเเอสกสาร
ธนาคาร หน่วยงานที่จะได้รับผลกระทบ (หรือประโยชน์) เป็นรายแรก ๆ
โดยรัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้ไทยเป็นสังคมไร้เงินสด ซึ่งหนึ่งในหน่วยงานที่เป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนั่นคือ ธนาคาร แต่ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานกลับพบปัญหาในการทำธุรกิจกรรมออนไลน์ ทั้งการปลอมแปลงบุคคล ความยุ่งยากในการระบุตัวตน และปัญหาด้านความปลอดภัย
ทั้งนี้ เมื่อมีระบบ Digital ID ธนาคารสามารถลดค่าใช้จ่ายในการทำระบบยืนยันตัวตนของลูกค้า เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค่า และสร้างมาตรฐารการยืนยันตัวตนในรูปแบบใหม่ ๆ และความรวดเร็วในการให้บริการ พร้อมต่อยอดสู่สร้างเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การกดเงินโดยไม่ต้องใช้บัตร ATM การสร้างตู้ยืมเงิน (Vending Machine) โดยอิงข้อมูลจากเครดิตบูโรแห่งชาติ
ทั้งหมดนี้เป็นบริการที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้คนไทยขอรับบริการต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น และจะเป็นการผลักดันให้ประเทศปรับตัวเข้าสู่ Thailand 4.0 ได้อย่างเต็มรูปแบบ