เทรนด์ ไมโคร เผย10 ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามความปลอดภัยด้าน ไอโอที อุปกรณ์สำหรับบ้านอัจฉริยะ เช่น เราเตอร์ มีความเสี่ยงถูกโจมตีจากอาชญากรไซเบอร์

ไอโอที

อุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ภายในบ้านอัจฉริยะได้รับความสนใจสูงสุดภายในงานแสดงเทคโนโลยีจำนวนมากของปี 2560 นับตั้งแต่งานซีบิต ไปจนถึงงาน คอมพิวเทกซ์ (Computex) และแม้แต่ เอ็มดับบิวซี (MWC) 2017 เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันผ่านระบบออนไลน์

โดงทางเทรนด์ไมโครได้เปิดเผยรายงานเรื่อง “บทสรุปของระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่ายบ้านอัจฉริยะในครึ่งปีแรกของปี 2560”  (Trend Micro 2017 1H Smart Home Network Security Summary)  โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิภาค 10 อันดับแรกที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ผ่านเราเตอร์ในบ้านและระบุถึงปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ภายในบ้านด้วย

ความนิยมของระบบอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือ ไอโอที ในปัจจุบัน  ทำให้การโจมตีทางไซเบอร์มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์จะเข้าควบคุมเราเตอร์ของเครือข่ายภายในบ้านก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีอุปกรณ์สำหรับบ้านอัจฉริยะ

รายงานล่าสุดของบริษัท เทรนด์ไมโคร แสดงให้เห็นว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 1.8 ครั้งผ่านทางเราเตอร์ของเครือข่ายภายในบ้านในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 80 เปอร์เซ็นต์ของการโจมตีดังกล่าวคือการโจมตีขาออก กล่าวคือแฮกเกอร์จะบุกรุกจนเข้าถึงอุปกรณ์ภายในบ้าน จากนั้นจะใช้มัลแวร์จากระยะไกลเพื่อดึงข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น รหัสผ่าน หรือดักจับเนื้อหาที่ส่งโดยอุปกรณ์ที่ติดมัลแวร์ของตนแล้ว

ขณะที่มูลค่าของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันผ่านระบบออนไลน์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การโจมตีเหล่านี้ก็กำลังแพร่กระจายเพิ่มมากขึ้นและได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประเทศตามที่ระบุไว้ในรายงานฉบับนี้ด้วย

ริชาร์ด กู รองประธานอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและตลาดเชิงพาณิชย์ด้าน ไอโอที บริษัท   เทรนด์ไมโคร กล่าวและว่า “การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าการใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันผ่านระบบออนไลน์สำหรับการขุดบิตคอยน์  (Bitcoin Mining) ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเกือบสองเท่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน การใช้ประโยชน์ของสิ่งที่ไม่ถูกต้องควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของอุตสาหกรรม ทำให้เกิดตลาดที่เหมาะสำหรับใช้ในการหาประโยชน์ของบรรดาอาชญากรไซเบอร์

ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และสหราชอาณาจักร คือสามอันดับแรกที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีระบบบ้านอัจฉริยะจากอาชญากรไซเบอร์ และด้านล่างนี้เป็นรายชื่อประเทศ 10 อันดับแรกที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์เกี่ยวกับระบบบ้านอัจฉริยะที่ได้รับการตรวจพบทั่วโลกสหรัฐอเมริกา 28 เปอร์เซ็นต์

  1. จีน 7 เปอร์เซ็นต์
  2. สหราชอาณาจักร 7 เปอร์เซ็นต์
  3. ฮ่องกง 5 เปอร์เซ็นต์
  4. แคนาดา 5 เปอร์เซ็นต์
  5. ออสเตรเลีย 4 เปอร์เซ็นต์
  6. สวีเดน 4 เปอร์เซ็นต์
  7. เนเธอร์แลนด์ 4 เปอร์เซ็นต์
  8. ไต้หวัน 3 เปอร์เซ็นต์
  9. รัสเซีย 3 เปอร์เซ็นต์

อาชญากรไซเบอร์ที่โจมตีระบบเครือข่ายภายในบ้านสามารถแบ่งการโจมตีทางไซเบอร์ได้เป็นสองประเภท ได้แก่ การโจมตีขาเข้าและการโจมตีขาออก โดยการโจมตีขาเข้าจะเริ่มจากการที่แฮกเกอร์บุกรุกเข้าไปในเครือข่ายภายในบ้านเพื่อเข้าไปควบคุมการทำงานของอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น คอนโซลเกม เราเตอร์ ทีวีอัจฉริยะ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต

ขณะที่การโจมตีขาออกจะเริ่มขึ้นเมื่อแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ระบบเครือข่ายผ่านการโจมตีขาเข้า จากนั้นจะใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อทำการละเมิดและโจมตีอุปกรณ์อื่นๆ ต่อไป คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แล็ปท็อป และกล้อง ไอพี เป็นเป้าหมายที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับการโจมตีขาเข้า ขณะที่การโจมตีด้วยเทคนิค ดีเอ็นเอส แอมพลิฟิเคชั่น  แอตแทค (DNS Amplification Attack) เป็นการโจมตีขาออกที่พบมากที่สุด โดยเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของการโจมตีทั้งหมด

จากการวิจัยของ บริษัท เทรนด์ไมโคร พบว่ามีความเสี่ยงหลักสามประการที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์สำหรับบ้านอัจฉริยะ ได้แก่ ความเสี่ยงระยะยาวของเครือข่ายที่ไม่ได้รับการป้องกัน ไม่มีการเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น และอัตราการเปลี่ยนทดแทนอุปกรณ์ภายในบ้านต่ำ (รวมถึงการอัพเดตเฟิร์มแวร์/ซอฟต์แวร์ที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง) การรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม การตระหนักรู้ของผู้ใช้ต่อความสำคัญของการกำหนดค่าที่เหมาะสม และการอัพเดตระบบอย่างสม่ำเสมอ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบบ้านอัจฉริยะ

ในยุคของการพัฒนา ไอโอที ที่กำลังก้าวหน้าอย่างมาก ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านระบบออนไลน์ เพื่อป้องกันการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน