สมองกลอัจฉริยะ เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในทางวิทยาศาสตร์ที่พยายามสร้าง จำลองให้คอมพิวเตอร์มีความคิดอย่างมนุษย์ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า จะนำภัยคุกคามมาสู่มนุษย์หรือไม่ 

สมองกลอัจฉริยะ หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้นไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งถูกพูดถึง แต่มันเกิดมานานมากแล้ว และทุกวันนี้เราได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์กันแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว

หลายท่านที่อ่านถึงตรงนี้คงแอบสงสัยไม่ใช้น้อยว่าไปใช้ตอนไหน เมื่อไหร่ แต่ถ้าจะบอกว่าคือโปรแกรมที่โต้ตอบกับผู้ใช้ได้คงพอจะตงิด ๆ กันบ้าง ใช่แล้วครับมันอยู่ในสมาร์ตโฟนของเรานี่แหละ แต่อยู่ในชื่อต่าง ๆ กันไป เช่น Siri ของ Apple, Google Now ของ Google, Cortana ของ Microsoft หรือฟ้าใส ของ fahsai.in.th

แต่ที่กล่าวในข้างต้นนี้ยังเป็นเพียงระบบที่เข้าไปแตะเฉพาะผู้บริโภคเท่านั้น แต่หากมองให้ลึกลงไปการปรับเทคโนโลยี AI จะถูกนำมาปรับใช้กับธุรกิจหลายแขนง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มกระบวนการศึกษาข้อมูลที่แท้จริง และนำไปปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของการแข่งขันในปัจจุบัน

ในต่างประเทศมีการนำ AI ไปใช้ในหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้กับคนยากจน การนำ AI ไปใช้ในการสืบหารูปพรรณสัณฐานของคนร้ายผ่านระบบกล้อง CCTV การใช้ AI ในการตอบถามซ้ำซากในมหาวิทยาลัย Cambridge ซึ่งทำให้ครูผู้สอนมีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น

การนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกที่เห็นชัดสุดคือ Google และ Facebook ใช้ AI ในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้คนที่โลดแล่นอยู่บน Platform ของพวกเขาและส่งสิ่งที่พวกเขาอยากสื่อถึงมือผู้คนอย่างง่ายดาย

ตามที่กล่าวมาทั้งหมด เราจะเห็นภาพในมุมที่ดีของการนำ AI มาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาระบบสมองกลนี้ โดยมองว่าอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เกิดการสูญพันธุ์ได้

ซึ่งในยุคเทคโนโลยี 4.0 วงการดิจิทัลเดินหน้าก้าวไกล AI ถูกพัฒนาให้เก่งกาจ ฉลาดหลักแหลมขึ้นเรื่อย ๆ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีใครหลายคนหวั่นเกรง นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเองก็ออกมาเตือนภัย ถึงอันตรายคุกคามจาก AI ที่อาจเกิดในอนาคต

สมองกลอัจฉริยะ
Elon Musk

โดย Elon Musk เจ้าพ่อรถยนต์หรูพลังงานโซล่าร์เซลล์ และผู้ก่อตั้ง SpaceX ให้ความเห็นว่า AI คือเทคโนโลยีที่จะทำให้มนุษย์สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ซึ่งที่ผ่านมาเขาได้ลงทุนพัฒนาสมองกล AI กับบริษัท DeepMind ของ Google

โดยเขาได้จับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทดลอง และนั่นทำให้เขาตระหนักดีว่าเทคโนโลยีนี้กำลังเข้ามาปฏิวัติโลกของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง พร้อมกันนี้ Musk ยังเสนอให้มีการจัดระเบียบหน่วยงานของรัฐในการควบคุมอุตสาหกรรม AI ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

สมองกลอัจฉริยะ
Mark Zuckerberg

ในอีกมุมหนึ่ง Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาในโลกโซเชียล กับ Elon Musk ได้ไลฟ์สดตอบคำถามเกี่ยวกับ AI ซึ่งเขามองว่า AI ยังไงก็มีส่วนดีกับมนุษย์ เพราะเป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาเพื่อช่วยเหลือและมีแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตมนุษย์ดีขึ้น เขาเห็นว่าแนวคิดเรื่องวันสิ้นโลกเป็นความคิดแง่ลบมาก ๆ ซึ่งเขายังโพสต์ในเฟซบุ๊กอีกว่า

การที่เขามอง AI ในแง่ดีนั้นเป็นเพราะมันช่วยพัฒนางานวิจัยในสาขาต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การวินิจฉัยโรคเพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น การพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเพื่อให้เราปลอดภัย และยังช่วยให้ฟีดข่าวแสดงเนื้อหาที่มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย

สมองกลอัจฉริยะ
Jeff Bezos

นอกจากนี้ Jeff Bezos เจ้าพ่อธุรกิจ E-Commerce และ CEO บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Amazon ที่กำลังมีโครงการพัฒนาเทคโนโลยี AI อยู่มากมาย ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งคนที่ได้ออกมาให้ข้อคิดเห็น โดยเขามองเห็นถึงประโยชน์และสิ่งที่ AI สามารถตอบโจทย์ได้ในโลกธุรกิจ

โดย Bezos ชื่นชมเทคโนโลยี AI ถึงขั้นมองว่าการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นเหมือนยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และยุคทองของเทคโนโลยี โดยเขามองว่า AI จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหลาย ๆ อย่างและจะช่วยปรับปรุงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เขายังกล่าวว่ามันเป็นเหมือนฝันจากนิยายวิทยาศาสตร์มาเป็นเรื่องจริง ที่ตอนนี้เรามีคอมพิวเตอร์ที่พูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้เราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามความเห็นของแต่ละคนก็มีทั้งมุมมองบวกและลบ และแน่นอนว่าว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกพัฒนาให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม แม้จะถูกคัดค้านจากหลาย ๆ ส่วน

อ้างอิงข้อมูลจาก

http://www.bbc.com

www.cnbc.com

www.theguardian