true

หากใครเป็นคอภาพยนต์ และชอบติดตามรับชมหนังใหม่ แนวเทคโนโลยี และชอบความดราม่านิดๆ ขอแนะนำว่าอย่าพลาด หนังใหม่ที่กำลังมาแรงที่สุดในปัจจุบัน “the true story ข้อมูลหลุดไม่ต้องเศร้า…รัฐขอเอาไปดูแล” คุณจะได้รับชมความบันเทิงระดับ 50 กระโหลก ในบทพูดของตัวละครต่างๆอยางแน่นอน

the true story ตอน Information is drop

เรื่องราวได้เริ่มที่ องค์กร “T” ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม ในประเทศกำลังพัฒนา ได้ทำข้อมูลที่สำคัญ หลุดรอดออกไป จากฐานข้อมูลที่อยู่บน Cloud storage ทั้งที่ควรเป็นความลับ แต่กลับถูกค้นพบได้จากนักวิจัย “N” ค้นพบ และแจ้งเตือน ซึ่งเรื่องราวน่าจะจบด้วยดี หากรีบดำเนินการแก้ไข

แต่เร่ืองราวกลับตรงกันข้าม เมื่อองค์กรดังกล่าวกลับเห็นว่า ความประสงค์ดังกล่าว เป็นเรื่องที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และได้ออกมาชี้แจ้งต่อสังคมว่า ข้อมูลดังกล่าวที่หลุดออกไป นั้นเกิดขึ้นจากเชี่ยวชาญของนักวิจัย “N” เพราะต้องเจาะระบบป้องกันถึง 3 ชั้นด้วยกัน ถึงจะสามารถนำข้อมูลออกไปได้

true

แม้นักวิจัย “N” จะพยายามชี้แจ้งว่าการตรวจพบในครั้งนี้ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีความซับซ้อนอย่างที่ถูกกล่าวหาว่า ตนเองนั้นเป็น “แฮกเกอร์” แต่องค์กรกลับไม่สนใจ และได้ดำเนินการฟ้องร้องนักวิจัยดังกล่าว ขณะที่หน่วยงานรัฐ “NBTZ” ซึ่งมีบทบาทที่เกี่ยวข้องรีบให้องคกรดังกล่าวออกมาชี้แจ้ง

และรีบดำเนินการแก้ไข และออกมาตราการบทลงโทษ แต่กลับกลายเป็นว่าบทลงโทษนั้นช่างเบา เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่องค์กรดังกล่าวมีอยู่มหาศาล เมื่อเทียบกับสิ่งที่ “อาจจะ” ทำให้ลูกค้าขององค์กรดังกล่าวนั้น ได้รับผลกระทบ เมื่อเรื่องราวตาลปัตรเช่นนี้ นักวิจัยดังกล่าว จึงกลายเป็นผู้ร้ายไปในทันที

เมื่อองค์กรเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว และพยายามชี้ ชัดทำให้เหล่าผู้คนในสังคม ต่างพยายามที่จะเข้ามาช่วยอธิบาย และชี้แจ้ง เพื่อให้สังคมเข้าใจ นักวิจัย “N” ที่ค้นพบความพิดพลาด โดยเปิดเผยว่า เทคโนโลยี Cloud storage นั้นปลอดภัย และไม่ใช่เรื่อง Security แต่เป็นการผิดพลาดของการใช้ Cloud ที่เปิดให้เป็นสาธารณะ (public)

ซึ่งการที่องค์กรดังกล่าว ตั้งค่า storage เพื่อให้ระบบสามารถเชื่อมกับระบบอื่นๆเช่น Web Server, App Server ได้ เป็นความเข้าใจผิดของบุคลากรในองค์กรเอง เพราะในสามารถความเป็นจริงกำหนด policy อีกทั้งสามารถทำ Authentication ได้ถึงขนาดที่ว่าจะกำหนดให้เข้าได้เฉพาะจากเครื่องไหนก็ยังได้

true

 

ด้านองค์กรรัฐ “NBTZ” ที่เกี่ยวข้องเมื่อเห็นท่าทางเรื่องราวจะบานปลาย เพราะส่วนหนึ่งของความผิดพลาดในครั้งนี้ คือคำสั่ง “บังคับให้ผู้ให้บริการต้องลงทะเบียนซิมด้วยบัตรประชาชน” และสร้างแอพฯช่วยเพื่อให้ง่าย แต่ความคิดดังกล่าวกลับหละหลวม ไม่รัดกุมมาก โดยมอบอำนาจให้ องค์กรผู้ให้บริการ สามารถเก็บข้อมูลบัตรประชาชนของลูกค้า

เพื่อ “NBTZ” เรื่องมีทางออก จึงได้เสนอตัวที่จะเข้าแก้ไขปัญหา โดยขอตัวแทนในการเก็บรวบร่วมข้อมูลของ องค์กร ที่ทำธุรกิจ ในลักษณะเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้เกิดความสบายใจ แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายที่คิด เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่ม หมดความอดทน และไม่ไว้วางใจทำหน้าที่

true

เพราะในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นองค์กร “ผลไม้” และ “อากู๋” เองก็ออกมาปฎิเสธที่จะส่งมอบข้อมูลของผู้ใช้บริการ แม้หน่วยงานรัฐจะถูกร้องขอก็ตาม ดังนั้นเรื่องนี้

โดยหลายความคิดเห็นชี้ว่า เบอร์โทร คือการทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นการยืนยันตัวบุคลซึ่งสำคัญพอๆ กับบัตรประชาชน ในระบบการเงินปัจจุบัน การใช้ทั้ง 2 อย่างคือการป้องกัน เพื่อมิให้รัฐเข้ามาวุ่นวาย ควบคุม โดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรองใดๆ

เพราะหากรัฐรู้หมดว่า ทุกคนในประเทศกำลังสื่อสารเรื่องอะไร ใช้เงินอย่างไร รวมทั้งการติดตามจากระบบมือถือ /หากถูกใช้เป็นเครื่องมือรับใช้คนกลุ่มหนึ่ง แน่นอนคนกลุ่มนั้น จะครองประเทศนี้อยู่ในกำมือเพราะไม่ต้องผ่านการตรวจสอบใดๆ อีกต่อไป

true

เรื่องของ นักวัย “N” นั้นจะเป็นอย่างไร เค้าจะรอดพ้น ข้อกล่าวหานี้ได้หรือไม่ องค์กร “T” จะเล็ดลอดจากความผิดพลาดของในครั้งนี้อย่างไร แล้วองค์กรรัฐ “NBTZ” จะเดินเกมส์ช่วงชิงความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่ สามารถติดตามได้ที่สื่อ free digital TV เว็บไซต์ วิทยุ “มาร่วมลุ้นหาคำตอบไปพร้อมกัน”

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่